Wednesday, October 10, 2007

สเต็มเซลล์

สเต็มเซลล์ (stem cell) หรือ “เซลล์ต้นกำเนิด” เป็นวิธีการหนึ่งในการบำบัดรักษาโรค โดยเซลล์ต้นกำเนิด สามารถแบ่งตัวได้เซลล์ ใหม่ ซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนเดิม และเจริญเติบโตเป็นเซลล์ต่างๆได้หลายชนิด

เซลล์ต้นกำเนิด จำแนกชนิดได้เป็น เซลล์ต้นกำเนิดตัวอ่อน (embryonic stem cell) กับเซลล์ ต้นกำเนิดผู้ใหญ่ (adult stem cell) ในปัจจุบันสามารถนำไปใช้บำบัดโรคได้บางโรคเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีโรงพยาบาลบางแห่งโฆษณาว่ามีการใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาโรคอื่นๆด้วย ดังนั้น ในฐานะผู้บริโภค จึงควรจะต้องทราบข้อมูลที่สำคัญต่อไปนี้ไว้ กล่าวคือ

คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้มีการประชุมการกำกับดูแลสเต็มเซลล์ ครั้งที่ 1/2550 เกี่ยวกับการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดที่ใช้ในการวิจัยและรักษาโรค มีใจความสำคัญว่า

เซลล์ต้นกำเนิดเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ ในการบำบัดรักษาโรค แต่ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับ ในเบื้องต้นเฉพาะเรื่องการปลูกถ่ายไขกระดูกเพื่อ รักษาโรคบางโรค เช่น มะเร็งเม็ดเลือด ส่วน การรักษาโรคอื่นๆด้วยเซลล์ต้นกำเนิดยังอยู่ในขั้นตอน วิจัยและพัฒนา เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการรักษา รวมทั้งยังต้องมีการติดตามประเมินผลความปลอดภัย

ที่ประชุมคณะทำงานฯ มีความเห็นร่วมกันในเบื้องต้นว่า
  1. ในการกำกับดูแลเซลล์ต้นกำเนิดและการใช้เซลล์ต้นกำเนิดในทางการแพทย์ จำเป็นต้องใช้กฎหมายหลายฉบับร่วมกันอย่างบูรณาการ เพื่อให้สามารถดำเนินการกำกับดูแลได้ อย่างมีประสิทธิผล
  2. ขั้นตอนการวิจัยรักษาโดยเซลล์ต้นกำเนิด จำเป็นต้องอาศัยข้อกำหนด ข้อบังคับในขั้นตอนการวิจัยเข้ามาดูแล แต่เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีพระราชบัญญัติการวิจัยทดลองในมนุษย์ จึงได้อาศัยข้อกำหนดนานา ชาติในเรื่องจริยธรรมการวิจัยในคนมาปรับใช้ ซึ่งต้องยึดถือข้อกำหนดในเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด
  3. การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัย ในอนาคตอันใกล้อาจมีการรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิด โดยต้องศึกษากระบวนการวิธีโดยการเตรียมเซลล์ และการให้ผลในสัตว์ทดลอง และการทดสอบทุกขั้นตอนในมนุษย์ ทั้งในด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของประชาชน จึงควรระมัดระวัง หากมีการเชิญชวนเข้าไปรักษา โดยเซลล์ต้นกำเนิดของสถานพยาบาลต่อไปในอนาคต.

ที่มา http://www.thairath.com/news.php?section=technology&content=63558


Powered by ScribeFire.

No comments: