Monday, December 27, 2010

หน้าอกหน้าใจ อะไรบ้างที่คุณผู้หญิงควรรู้ ควรดูแล

ถึงแม้มันจะเป็นส่วนสำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ของความเป็นหญิง แต่ก็ยังมีอาจมีหลายสิ่งหลายอย่าง ที่คุณยังไม่กระจ่างใจเกี่ยวกับมัน และบ่อยครั้งมันก็ถูกละเลย จากพวกคุณผู้หญิงไปอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะฉะนั้นอย่าได้พลิกผ่านหน้านี้ไปทีเดียวเชียว เรามีวิธีการดูแลรักษาสิ่งที่ธรรมชาติให้มา ทั้งจากหมอ ผู้เชี่ยวชาญ และเซียนด้านแฟชั่นและความงาม ที่จะทำให้หน้าอกของคุณมีสุขภาพดีและสวยงามดึงดูดใจ

การออกกำลังกายอย่างวิดพื้น จะช่วยให้หน้าอกใหญ่และกระชับขึ้นได้จริงเหรอ?
มีผลบ้าง แต่มันไม่ได้ส่งผลโดยตรง ต่อหน้าอกซึ่งไม่มีกล้ามเนื้อ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ มันช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อด้านใต้หน้าอก จึงทำให้คุณดูเหมือน "อึ๋ม" ขึ้นได้เล็กน้อย โดยเฉพาะถ้าหน้าอกคุณค่อนข้างเล็ก ลองทำท่ากายบริหารอย่างวิดพื้นหรือ Chest Flies (นอนหงายหลัง โดยถือดัมเบลล์เอาไว้ในมือแต่ละข้าง กางแขนออกเป็นรูปตัว T ให้ต่ำกว่าระดับไหล่ งอข้อศอกเล็กน้อย และยกดัมเบลล์ทั้งสองข้างเหนือหน้าอก) 3 เซ็ต เซ็ตละ 12 ครั้ง สัปดาห์ละ 3 วัน คุณน่าจะเห็นผลดีขึ้นภายใน 3 สัปดาห์

มีอะไรช่วยไม่ให้หน้าอกหย่อนยานก่อนวัยอันควรบ้าง?
หน้าอกคุณจะหย่อนยาน (หรือเต่งตึง) แค่ไหน ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม แต่คุณสามารถชะลอ การหย่อนยานได้โดยหลีกเลี่ยง การเพิ่มหรือลดน้ำหนักแบบโยโย่ เพราะจะทำให้เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อที่ช่วยพยุงหน้าอก ตามธรรมชาติหย่อนยาน นอกจากนี้ การใส่ยกทรงที่กระชับพอดีตัว โดยเฉพาะในขณะออกกำลังกาย จะช่วยป้องกันการหย่อนยานได้ ด้วยการช่วยรักษารูปทรงของเต้านมไว้ และบรรเทาการฉีกขาดของเส้นเอ็น คุณจะต้องให้แน่ใจว่ายกทรงทั้งตัวมีความกระชับพอ เนื่องจากร้อยละ 90 ของการประคับประคอง จะมาจากแถบผ้ารอบตัวไม่ใช่สายชุดชั้นใน ฉะนั้น ถ้ายกทรงหลวมเกินไป มันก็ไม่สามารถทำหน้าที่ของมันได้

ทำไมหน้าอกของฉันใหญ่ขึ้นและเจ็บก่อนมีประจำเดือน
โทษฮอร์โมนของคุณได้เลย เหตุผลแรกคือ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ที่เพิ่มขึ้นเป็นสาเหตุของการบวมน้ำ ทำให้หน้าอกบวมและนุ่มมากขึ้น ส่วนฮอร์โมนเอสโตรเจน ก็เป็นสาเหตุของความเจ็บปวดเช่นกัน “ฮอร์โมนพวกนี้กำลังเตรียมร่างกายของเราให้พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ และส่งสัญญาณไปยังท่อน้ำนมให้ขยายออก ซึ่งนี่อาจทำให้เจ็บปวดได้” คุณควรหลีกเลี่ยงน้ำตาล คาเฟอีน และอะไรก็ตามที่มีโซเดียมอยู่มาก เพราะทั้งสามอย่างนี้จะเพิ่มการกักเก็บของเหลว ซึ่งจะทำให้หน้าอกของคุณใหญ่ขึ้นชั่วคราว (และตัวบวมด้วย)

ทำไมหน้าอกแต่ละข้างไม่เท่ากัน?
เพราะคุณเป็นคนปกติ น้อยคนนักที่จะมีหน้าอกเท่ากัน ขนาดต่างกัน 1-2 คัพก็ยังถือเป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้ พญ.บูธ ยังชี้ว่า ความไม่เท่ากันนั้น อาจเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น หลังจากการตั้งครรภ์หรือการให้นมบุตร แต่ควรระวังไว้ว่า หากเต้านมข้างหนึ่งใหญ่ขึ้นอย่างกะทันหัน อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงเนื้องอก แม้ว่าจะเกิดขึ้นได้ยากมาก แต่ถ้าคุณมีอาการดังกล่าวจริง ควรไปพบแพทย์ด่วน

ขนพวกนี้มันอะไรกัน?
อาจจะน่ารำคาญ แต่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ทางแก้ง่ายๆ ก็คือถอนมันออกซะ ลองถอนหลังจากคุณอาบน้ำอุ่น เพราะ รูขุมขนจะขยายกว้างขึ้น และจะถอนเส้นขนได้ง่ายกว่า

ทำไมหน้าอกถึงมีรอยแตกเป็นลาย
เป็นผลมาจากการขยายขนาดโดยฉับพลัน ไม่ว่าเพราะคุณแตกเนื้อสาว ตั้งครรภ์ หรือเพราะน้ำหนักเพิ่มขึ้น แม้ครีมจะช่วยไม่ได้มากนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป รอยเหล่านี้ก็จะจางลงเรื่อยๆ

ลูกมีผลกระทบอย่างไรต่อหน้าอก
อันดับแรกเลยคือ หน้าอกของคุณอาจจะใหญ่ขึ้น แต่หลังจากมีลูกแล้ว ผู้หญิงหลายคนบอกว่า หน้าอกลดขนาดลงกว่าก่อนตั้งครรภ์ ถึงแม้จะไม่มีเหตุผลทางชีววิทยา ว่าทำไมหน้าอกถึงหด และมีขนาดเล็กลงหลังจากให้นมบุตรแล้ว บางทีเนื้อเยื่อในเต้านมอาจจะเปลี่ยนแปลง ก็เลยดูเหมือนว่าเล็กลงก็ได้ และบางทีมันอาจเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราต้องแลกกับการทำสิ่งที่เหลือเชื่อ อย่างการให้กำเนิดและเลี้ยงดูลูกก็ได้

อยากเสริมเต้านม เสี่ยงหรือเปล่า?
แน่นอน มันถือเป็นผ่าตัดใหญ่เลย ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจรวมไปถึงการติดเชื้อ ชาด้าน ภาวะแทรกซ้อนของแผลเป็น หรือแผลฉีกขาด แม้ว่าราคาของการเสริมทรวงอกอาจจะถูกและล่อตาล่อใจ แต่คุณควรนึกถึงสุขภาพเป็นอันดับแรก (ไม่ใช่นึกถึงเงิน) ให้มองหาแพทย์ที่มีประสบการณ์ และขอดูภาพผลงานก่อน-หลัง พร้อมกับคุยกับคนไข้คนก่อนๆ เกี่ยวกับผลของการเสริมหน้าอกเสียก่อน

ที่มา : FW Mail


Friday, December 24, 2010

ความริษยาทำให้เราดีขึ้น?

ความสำเร็จนั้นหอมหวาน แต่มันก็ทำให้คนที่ริษยาคุณ อยากจะโค่นล้มคุณเสียเหลือเกิน และจากการศึกษาพบว่า คนที่กลัวที่จะถูกริษยานั้น จะปฏิบัติตัวดีขึ้นกับคนที่อิจฉาริษยาเขา

ความอิจฉาริษยานั้นมีสองแบบ คือ ความอิจฉา ที่เป็นความรู้สึกที่เป็นเชิงบวก อันนี้จะทำให้ผู้ที่มีอารมณ์อิจฉาพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น กับ ความริษยา ที่เป็นความรู้สึกทางลบ คนที่รู้สึกริษยา จะอยากดึงคนที่ประสบความสำเร็จลงมา

ในการทดลองเรื่องนี้ พวกเขาจะแบ่งอาสาสมัครออกเป็นสองกลุ่ม โดยที่กลุ่มนึงจะได้รับรางวัล 5 ยูโร โดยไม่ต้องทำอะไรเลย ส่วนอีกกลุ่มจะได้รับรางวัล ตามคะแนนที่ได้จากการตอบคำถาม จาการทดลองนี้พบว่า ถ้าการได้รับรางวัลนั้นสมเหตุสมผล (กลุ่มได้รับรางวัลตามคะแนน) พวกเขาจะถูกอิจฉา แต่หากไม่สมเหตุสมผล (กลุ่มที่ได้ 5 ยูโร) พวกเขาจะถูกริษยาแทน

หลังจากนั้น อาสาสมัครจะถูกสอบถามถึง ระยะเวลาที่ตนจะยินดีรับฟังคำแนะนำ ข้อคิดเห็นต่าง ๆ กลุ่มที่คิดว่าถูกริษยานั้น จะยอมเสียสละเวลามากกว่ากลุ่มที่คิดว่าถูกอิจฉา นอกจากนี้แล้วเมื่อผู้ทดลอง ลองทำยางลบจำนวนหนึ่งหล่นพบว่า กลุ่มที่คิดว่าตัวเองถูกริษยานั้น จะยินดีที่จะช่วยเขามากกว่าด้วย

นักจิตวิทยา van de Ven แห่งมหาวิทยาลัย Tilburg ที่ทำการทดลองเรื่องนี้เลยสรุปว่า "เรามักคิดว่าคุณที่ดีกว่าคนอื่น ควรจะแบ่งบันให้กับคนอื่นบ้าง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เรายินดีจะทำเมื่อเราดีขึ้น การกลัวที่จะถูกริษยาต่างหาก ที่ทำให้เราปรับปรุงความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้อื่น"

ที่มา: APS


Wednesday, December 22, 2010

10 ตัวช่วย สร้างเซ็กซ์ให้ซาบซ่าน

อยากเร่งเครื่องชีวิตรักของตัวเองงั้นหรือ เรามีรายงานพิเศษเรื่องของจำเป็นในห้องนอน ที่จะเขย่าโลกของคุณ ซึ่งข้อดีก็คือ คุณมีพวกมันส่วนใหญ่พร้อมอยู่แล้ว
  • หมอน
    เมื่อเอามาวางไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม หมอนสามารถช่วยคุณให้อยู่ในท่าใหม่ และเพิ่มความหลากหลายให้แก่ท่าดั้งเดิมที่คุณโปรดปรานได้ เช่น ลองเอาหมอนรองไว้ใต้ก้นตอนทำท่ามิชชันนารี หรือเอามันไว้ระหว่างขาในระหว่างที่อยู่ในท่า Spoon (ท่าทีผู้ชายกอดคุณจากทางด้านหลัง)

  • ไวเบรเตอร์
    คำถามไม่ใช่ว่าทำไมต้องหาไวเบรเตอร์มาใช้ด้วย แต่ต้องถามว่า ก็ทำไมถึงจะไม่หามาไว้ใช้สักอันเล่า คุณสามารถใช้มันกับตัวเอง เพื่อสำรวจว่าอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกดี หรือใช้กับคู่รักของคุณ เพื่อเพิ่มมิติใหม่ให้แก่เซ็กซ์ของทั้งคู่ มีรายงานว่าผู้หญิงที่ใช้ไวเบรเตอร์ มีระดับความพึงพอใจทางเพศ กับคู่ของเธอ เพิ่มขึ้น ความต้องการทางเพศที่เพิ่มขึ้น และออกัสซั่มได้ง่ายขึ้น

  • สารหล่อลื่น
    ไม่เพียงแต่สารหล่อลื่น จะทำให้อะไรต่ออะไรไหลลื่นไปได้ง่ายขึ้น มันยังช่วยให้เซ็กซ์กินเวลานานขึ้น และเพิ่มความคล่องตัว ที่ทำให้ทดลองใช้ท่าต่างๆ ได้ง่ายขึ้นด้วย สารหล่อลื่นสูตรน้ำเหมาะที่สุด ถ้าคุณกลัวแพ้ ในขณะที่สูตรซิลิโคนจะคงประสิทธิภาพได้นานกว่า

  • คู่มือเซ็กซ์ดีๆ
    ในเรื่องเซ็กซ์แล้ว เราไม่อาจรู้เรื่องไปเสียหมดทุกอย่าง นั่นจึงเป็นเหตุผล ที่คุณควรมีคู่มือเรื่องเพศดีๆ เอาไว้ข้างกายสักเล่ม เพื่อให้ความกระจ่าง แก่ตัวเองในเรื่องที่ข้องใจ เกี่ยวกับสรีระหรือปฏิกิริยาบางอย่างของร่างกาย แม้แต่เทคนิคดีๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญนำมาแบ่งปัน อ่านไป จิบไวน์ไป หรือนำมาพูดคุยกับคู่รักของคุณไปพลางๆ

  • ของเล่นสุดสนุก
    ไม่ว่าจะเป็นของน่ารักๆ อย่างขนนก ผ้าพันคอ หรือวิปครีม หรือไม่ค่อยน่ารักนัก เช่น แส้ กุญแจมือ ของเล่นเหล่านี้ช่วยเพิ่มรสชาติ และความตื่นเต้นให้แก่ฉากรักของคุณได้ นอกจากนี้ ยังมีของเล่นเซ็กซ์โดยเฉพาะ ที่มีจำหน่ายตามเซ็กซ์ช็อป หรือแม้แต่ตามเว็บไซต์ ที่คุณอาจลองแวะเข้าไปดูและเลือกสั่งมาลองใช้ดูบ้าง

  • เคเกล
    การบริหารแบบเคเกล ช่วยให้กล้ามเนื้อช่องคลอด และ เชิงกรานของคุณแข็งแรงขึ้น ยิ่งกล้ามเนื้อเหล่านี้แข็งแรงมากขึ้นเท่าไหร่ ความรุนแรงของออกกัสซั่ม ของคุณก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น การบริหารกล้ามเนื้อเหล่านี้ ยังทำทำให้การไหลเวียนโลหิต ในช่วงเชิงกรานดี ขึ้น ความชุ่มฉ่ำเพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความตื่นตัว และความวาบหวามเพิ่มขึ้น และคุณยังสามารถบีบรัดกล้ามเนื้อช่องคลอด ในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ เพิ่มความสุขทางเพศแก่เขาและคุณได้อีกด้วย วิธีการทำเคเกลก็คือ การเกร็งช่องคลอดเหมือนกับพยายามจะกลั้นปัสสาวะ จากนั้นก็คลาย แล้วทำซ้ำ

  • ซีดีเพลง
    ทุกคนรู้ว่าดนตรีดีๆ สามารถสร้างบรรยากาศ โรแมนติกได้ หัวใจสำคัญก็คือ การหาเพลงที่ทำให้คุณเกิดอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นเพลงคลาสสิก อ่อนหวานหรือดนตรีจังหวะเร้าใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกขัดจังหวะที่ทำให้เสียอารมณ์ หาเครื่องเล่นซีดี แบบต่อเนื่องหลายๆ แผ่น ที่จะปล่อยเสียงเพลงให้ดำเนินไปอย่างไหลลื่น

  • ชุดชั้นในเซ็กซี่
    เช่นเดียวกับการใส่รองเท้าวิ่ง ทำให้เกิดอารมณ์อยากจะออกไปจ็อกกิ้ง การใส่ชุดชั้นในวาบหวาม ก็ช่วยให้คุณทั้งดูเซ็กซี่ขึ้น และรู้สึกเซ็กซี่ด้วย นี่เป็นคำบอกเล่าจาก ดอเรียน โซล็อต ผู้เขียนหนังสือเรื่อง I Love Female Orgasm บอกเช่นนั้น และมันไม่จำเป็นต้องเป็นชุดชั้นในราคาแพง ถึงจะใช้ได้ แค่ใส่อะไรก็ตามที่คุณรู้สึกมั่นใจในตัวเอง และรู้สึกเซ็กซี่ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อสายเดี่ยว กับกางเกงขาสั้น บราดันทรงกับกางเกงในสายเดี่ยว หรือชุดชั้นในผ้าซาตินแบบเต็มตัว กับรองเท้าส้นสูง คุณยังสามารถใช้ชุดชั้นใน เพื่อเปลี่ยนบทบาทของตัวเอง ให้แตกต่างออกไปด้วย ก็ได้ เช่น อ่อนหวานหรือซุกซน ลองหาชุดชั้นในแบบที่พูดถึงตัวเอง อย่างชัดเจนที่สุด แล้วนำเอามันมาใช้ในห้องนอนดูบ้าง

  • สื่ออีโรติก
    สื่ออีโรติกสามารถทำให้คุณเกิดอารมณ์ และเป็นไอเดียอันบรรเจิด ที่คุณสามารถเอามาลอง กับคู่รักของคุณได้ โซล็อตบอกเช่นนั้น และคำว่า “สื่ออีโรติก” ของเราก็หมายความถึงสื่อทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือหนัง ทั้งหนังรักซาบซึ้ง หรือหนังเรตอาร์แสนวาบหวาม หนังสือเรตเอ็กซ์ หรือแม้แต่นิยายโรแมนติกก็ตามที

  • ความซื่อสัตย์และจริงใจ
    คุณไม่อาจเอาสิ่งนี้สอดไว้ใต้หมอน หรือใส่ไว้ที่ลิ้นชักหัวเตียงได้ แต่ความซื่อสัตย์ อาจเป็นเครื่องมือที่มีอานุภาพมากที่สุด เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อใดก็ตามที่คุณเก็บงำอะไรเอาไว้ในใจ มันจะสร้างกำแพงที่กั้นขวางระหว่างคุณ กับความสุขในห้องนอน ลองเปิดใจตัวเองกับคู่ของคุณ และสื่อสารกันให้มากที่สุด เพื่อให้ทุกฉากรักของคุณ ไม่ว่าจะมีของเล่นอะไรหรือไม่ก็ตาม เป็นฉากรักที่แสนยอดเยี่ยมทุกครั้งไป


Tuesday, December 21, 2010

เปลี่ยนหนุ่มเซ็กซ์ห่วย ให้เป็นหนุ่มร้อนแรง

ใช้เคล็ดลับต่อไปนี้เพื่อนำทางชายหนุ่มของคุณให้ก้าวสู่สุดยอดในเรื่องบนเตียง

ใช่แล้ว คุณรักชายหนุ่มของคุณ และก็...ไม่เลย--คุณไม่ได้อยากเปลี่ยนเขาแม้แต่น้อย แต่มาพูดกันอย่างจริงใจหน่อยเถอะ มันไม่มีอะไรเลยสักอย่างเลยหรือหรือที่เขาทำ (หรือไม่ได้ทำ) ในเรื่องบนเตียง ที่คุณอยากจะแก้ไขมันสักหน่อย? ปัญหาก็คือ สิ่งสุดท้ายที่ผู้ชายต้องการก็คือ การตกเป็นหนึ่งในโครงการปรับปรุงบ้านให้ดีขึ้นของคุณ--โดยเฉพาะในเรื่องบนเตียงแบบนี้ แต่ก็ใช่ว่าคุณจะไม่สามารถทำอะไรได้เลยในเรื่องนี้ คุณก็แค่ต้องการแผนการดีๆ สักอย่างสองอย่าง เพื่อหลอกล่อให้ชายหนุ่มของคุณเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างเองโดยไม่ทันรู้ตัว และนี่คือแผนการสำหรับคุณ

  • โค้ชเขา
    เช่นเดียวกับโค้ชทีมฟุตบอล ที่กระตุ้น และ แนะนำแนวทาง ให้ทีมของเขามุ่งสู่ชัยชนะ เราผู้หญิงก็สามารถนำทางผู้ชาย สู่ชัยชนะบนเตียงได้เช่นกัน ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดก็คือ การผลักดันเขาในแง่บวกและการคิดบวก เพราะปกติผู้ชายก็เป็นคนง่ายๆ อยู่แล้ว เขาอยากรู้ว่าสิ่งที่เขาทำเป็นยังไงบ้าง และเขาอยากให้คุณเชียร์เขาให้ได้ชัยชนะ ฉะนั้น เพื่อจูงใจชายหนุ่มของคุณในทางที่ดี ลองกระตุ้นความกระตือรือร้นของเขาด้วยการแสดงความเห็นที่ให้กำลังใจกัน อะไรที่คุณไม่ควรทำน่ะหรือ? การวิจารณ์ไงล่ะ นั่นไม่มีทางได้ผลแน่นอน เช่นเดียวกับการดูถูกเขา ลองบอกเขาว่าสิ่งไหนที่เขาทำแล้วดีจะดีกว่า และก็เริ่มจากตรงนั้นแหละ

  • ล้างสมองเขา
    คนเราใช้การสะกดจิต เพื่อทำให้คนเลิกสูบบุหรี่ หรือแม้กระทั่งลดความอ้วน ฉะนั้น ทำไมไม่ลองใช้รูปแบบของมัน เพื่อปลูกฝังความคิดบางอย่างในเรื่องเซ็กซ์ ลงไปในหัวของเขาดูบ้างล่ะ หลักการง่ายๆ ของการสะกดจิตก็คือ การสร้างคำพูดบางอย่าง ในเรื่องที่คุณต้องการ และพูดมันซ้ำๆ กันเพื่อให้มันฝังลงไปในจิตใต้สำนึก ฉะนั้น ลองเริ่มด้วยการหาว่า คุณต้องการอะไรในเรื่องเซ็กซ์ เช่น อยากให้เขาเล่นกันหน้าอกของคุณมากขึ้น ในระหว่างมีเซ็กซ์ จากนั้น ก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดี การล้างสมองเขาต้องการพลังงานในแง่บวก ไม่ใช่การระเบิดอารมณ์ใส่เขาว่า “ทำไมคุณไม่เคยจับหน้าอกฉันเลย” ซึ่งจะกลายเป็นคนละเรื่องกันทันที ขั้นต่อมาก็หำพุดหรือการกระทำบางอย่าง ที่จะฝังลไงปในหัวของเขา เช่น ในขณะที่ทำเรื่องอย่างว่ากันอยู่ ลองสัมผัสหน้าอกตัวเองในแบบที่คุณชอบ หรือแอ่นหน้าอกตัวเองไปเคล้าเคลียใกล้ๆ เขา พร้อมกับพูดว่า “ฉันชอบมากเลยเวลาที่คุณเล่นกับหน้าอกของฉัน” มันจะทำให้เขาเรียนรู้โดยไม่รู้ตัวว่าการสัมผัสหน้าอกของคุณเป็นเรื่องที่ดี และเมื่อเขาทำตามก็ตบท้ายว่า “ดีเหลือเกิน วันหลังเราทำแบบนี้อีกนะ” มันจะยิ่งทำให้เขาเชื่อว่า การกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่คุณรอคอย และเมื่อเขาเห็นหน้าอกคุณ เขาก็จะอยากเล่นกับมันอีก

  • ให้รางวัล
    นักฝึกสัตว์ใช้วิธีการง่ายๆ ในการเปลี่ยนพฤติกรรมของสุนัข นั่นก็คือการให้รางวัล และถ้าเทคนิคของพวกเขาทำให้สุนัขแก่ๆ เรียนรู้ลูกเล่นใหม่ๆ ได้ มันก็น่าจะช่วยให้ชายหนุ่มของคุณทำอะไรใหม่ๆ ได้เช่นกัน แต่คุณต้องใช้มันให้ถูกจังหวะและเวลา นั่นก็คือให้แน่ใจว่าคุณให้รางวัล ชายหนุ่มของคุณทันทีที่ทำอะไรที่ถูกต้อง พูดออกไปทันทีว่า “ฉันช่างโชคดีอะไรเช่นนี้” ทันทีที่เขาทำในสิ่งที่คุณอยากให้เขาทำ หัวใจสำคัญอีกอย่างก็คือ การหยุดพูดถึงสิ่งที่คุณต้องการ และลงมือทำซะ บางทีผู้หญิงก็พูดมากเกินไป เช่นเดียวกับการที่คุณไม่เคยพยายาม ให้เหตุผลแก่สุนัขของคุณ เวลาคุณอยากให้มันทำอะไร แต่แค่แสดงให้เห็นมันว่าคุณอยากให้มันทำอะไร ผู้ชายก็เช่นกัน บางทีพวกเขาก็ไม่อยากฟังว่าคุณต้อกงารอะไร แต่อยากเห็นว่าคุณอยากได้อะไรมากกว่า

  • ท้าทายเขา
    เราทุกคนต่างรู้ว่าผู้ชายชอบเล่นเกม ฉะนั้น ทำไมไม่กระตุ้นความชอบ แข่งขันในตัวเขาดูบ้าง และทำให้ชีวิตเซ็กซ์ของคุณสนุกขึ้น ดว้ยการท้าทายสนุกๆ เพราะระดับเทสทอสเทอโรน ที่สูงอย่างมากในตัวผู้ชาย การได้ชัยชนะจึงเป็นเรื่องยิ่งใหญ่สำหรับเขา ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ชายบางคนจึงชอบการแข่งขันบางอย่าง ถึงแม้มันจะดูบ้าอย่างมาก การท้าทายผู้ชาย เป็นการเล่นกับความปรารถนาที่ติดตัวมาแต่เกิดของเขา ที่จะพิสูจน์ตัวเองกับคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการท้าทายที่เน้นการกระทำ หรืออะไรที่ต้องใช้กำลังกายนั่นเอง ฉะนั้น ถ้าคุณอยากได้แอคชั่นบนเตียงที่มากขึ้น--ก็ลองท้าทายเขาได้เลย


Saturday, December 18, 2010

คนใจยักษ์ ใช้ความรักเป็นเหยื่อ ทำร้ายคู่ชีวิตอย่างแสบสันต์

ผมอ่านเจอ Mail นี้ใน Mail Group แต่อ่านจบแล้ว รู้สึกว่า Subject ข้อคิดจากชีวิตจริง ก่อนจะมีเซ็กซ์ มั่นใจหรือไม่ว่าปลอดเอดส์ มันไม่เหมาะกับเนื้อหาเลย ก็เลยขอเปลี่ยนเป็นแบบที่ตัวเองคิดว่าเห็นสมควร ส่วนเรื่องที่ว่าเป็นอย่างไรนั้น ลองอ่านดูกันก็แล้วกันครับ
เรื่องที่ 1
เด็กหญิงอายุ 15 ปี มารดามาแจ้งความ ว่าพ่อเลี้ยงกระทำชำเราลูกสาวระหว่างแพทย์ซักประวัติ ตรวจร่างกาย เด็กบอกว่า ถูกพ่อเลี้ยงปลุกปล้ำ แต่ในครั้งต่อๆมา ตัวเด็กยินยอมมีพสพ.โดยสมัครใจ พยาบาลแผนกสังคมสงเคราะห์ซักประวัติมารดา ถึงสภาพแวดล้อม ความสัมพันธ์ในครอบครัว ตัวคนเป็นแม่เล่าไปร้องไห้ไป ดูแล้วมีความคับข้องใจมาก คุณพยาบาลเข้าใจว่า มารดาคงจะเสียใจ ที่ลูกยอมนอนกับพ่อเลี้ยง

แต่ในที่สุด แม่ของเด็กก็เล่าความจริงออกมาว่า ตัวเธอตรวจพบว่า เป็นผู้ติดเชื้อมาหลายปีแล้ว สามีคนเก่าก็เสียชีวิตจากการติดเชื้อไปหลายปี จึงได้ย้ายที่อยู่ และ ในทีุ่สุดก็มาพบกับสามีคนปัจจุบัน และอยู่กินกัน โดยสามีใหม่ไม่ทราบ เพราะเธอเองกินยาสม่ำเสมอ สุขภาพแข็งแรงดีมาตลอด

แต่แล้ว เคราะห์กรรมก็มาตกกับลูกสาวอย่างคาดไม่ถึง!!!
เรื่องที่ 2

ผู้ชาย อายุราวๆ 35 ปี มาตรวจด้วยอาการอ่อนเพลีย มีไข้ ไอเรื้อรัง จากประวัติในใบส่งตัว ระบุว่าเป็นวัณโรคปอด และได้เจาะ HIV พบว่าผลเป็นบวก

เราเดินไปตรวจคนไข้ที่เตียง เลียบๆเคียงๆถามว่า หมอที่รพ.แรกได้แจ้งผลตรวจเลือดหรือไม่ คนไข้บอกว่าไม่ทราบ

จึงถามอีกว่า คนไข้มีโรคประจำตัวหรือไม่ เคยกินยาใดๆประจำหรือไม่ เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่า ผป.โรคเอดส์บางส่วนจะทราบอยู่ก่อนแล้วว่าตนเองเป็นโรค แต่ไม่อยากบอกหมอตรงๆ ถ้าถามไปแบบอ้อมๆ อาจจะพอบอกบ้าง

ปรากฏว่า คนไข้รายนี้ ตอบคำถามอย่างซื่อๆ ดูแล้วไม่มีความสงสัยเลยว่าตัวเองติดเชื้อ

เราก็เลยหันไปหาภรรยา เพื่อจะถามอาการเพิ่ม พอมองหน้าฝ่ายหญิง เราก็ต้องตกใจ เพราะผู้หญิงคนนี้ เป็นผู้ติดเชื้อ ที่เราเคยรักษาในรพ.อำเภอเมื่อหลายปีก่อน
คนไข้มารับยาต้านกินอยู่ประจำ

เราทำเป็นจำเขาไม่ได้ ก็ลองถามเรื่องสุขภาพ ต่างๆนานา เขาก็บอกว่าแข็งแรงดี

เราได้แต่คิดว่า ทำไมเลือดเย็นแบบนี้ เห็นผู้ชายแล้วเวทนา ฝ้าขาวเต็มปาก ตามขาก็พุพอง ถ้าเขารู้ตัว่าติดเชื้อ ก็จะได้กินยา ในขณะที่ฝ่ายหญิง กินยามาตลอด 5 ปี ดูสบายดีทุกอย่าง

ก็ไม่ได้ถามหรอกนะ ว่าสามีใหม่หรือเก่า หรือจะเป็นสามีที่นำโรคมาติด เลยแก้แค้นซะ?? แต่ถ้าเป็นสามีใหม่ ก็น่าสงสารมากๆ
เรื่องที่ 3

ผู้หญิง อายุ 35 ปี มาฝากท้อง ตรวจเลือดพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อ คนไข้บอกว่าทราบมานานแล้ว และกินยาต้านอยู่ประจำ

สามีคนนี้เป็นคนที่สอง เพิ่งมาอยู่ด้วยกันได้ปีกว่าๆสามียังไม่เคยมีลูก ก็เลยไม่ได้ใช้ถุงยาง

เราถามว่า แล้วเขารู้หรือเปล่าว่าตัวคนไข้เป็นผู้ติดเชื้อ คนไข้ตอบว่า "คงรู้มั้ง ก็หนูมารพ.ทุกเดือน เขาคงรู้เอง"

เวรกรรม เราเชื่อว่าฝ่ายชายไม่รู้หรอก

เราไม่ได้ว่าเหมารวมผู้ติดเชื้อทั้งหมดนะ มันก็เหมือนสังคมทั่วไปหละ ต้องมีทั้งคนดี คนไม่ดี แต่อยากเตือนใจไว้ว่า ปัจจุบัน ยาต้านไวรัสมีจ่ายฟรีที่รพ.รัฐทุกแห่ง
ทำให้ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีโอกาสรับยา จะว่าไปน่าจะเกือบ 100% เพราะตัดปัญหาค่าใช้จ่ายไปได้ บางคนถ้าอาย ก็ไปรับยาที่ต่างอำเภอที่ไกลจากบ้านตัวเอง

ผู้ติดเชื้อ ถ้ารับยาสม่ำเสมอ ร่างกายเขาก็จะแข็งแรงดี เหมือนได้เริ่มชีวิตใหม่

และในที่สุด ก็จะอยากมีครอบครัวใหม่ อยากมีคนรัก อยากมีลูก เพราะลึกๆแล้ว เขาอาจจะเชื่อว่า เขาหายแล้วก็ได้ เหมือนเป็นแค่ เบาหวาน ความดัน ที่กินยาทุกวันก็สบายดี

แล้วคนไทย ไม่นิยมเจาะเลือดก่อนแต่งซะด้วย จะว่าไป เคสเหล่านี้ก็มักจะไม่ได้แต่งงานอะไรกันเป็นเรื่องเป็นราว มักเป็นคนที่ผ่านชีวิตคู่มาบ้างแล้ว และก็เริ่มมีคู่ใหม่อย่างง่ายๆไม่มีพิธีรีตองอะไร

ก่อนจะแต่งงาน หรือมีเซ็กซ์กับใคร ถ้ายังไม่มั่นใจ ให้สวมถุงยางเสมอ
เรื่องที่ 4

อีกกลุ่มที่น่าห่วงคือวัยรุ่น

เคยพบเด็กวัยรุ่น ที่ติดเชื้อจากพ่อแม่ตั้งแต่แรกเกิด เธอได้รับการดูแลอย่างดีจากญาติๆ และไปตรวจรับยาตามหมอนัดทุกครั้ง สุขภาพร่างกายแข็งแรงมาตลอด

จนอายุ 19 เป็นสาวสวย ที่ดูแล้วแข็งแรงสมบูรณ์ แล้วเธอก็ท้องกับเพื่อนชาย เราถามเด็กว่า แฟนหนูรู้มั้ย ว่าหนูเป็นโรคอะไร เด็กตอบว่า "เขารู้ แต่เขาไม่กลัว" เออหนอ ไม่รู้ว่ากล้าหาญเพราะรักจริง หรือว่ามันเด็กจนไม่รู้จักกลัวอะไร

ถ้าคุณเป็นเธอ ที่ติดโรคจากแม่โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ พอโตเป็นสาว อยากมีแฟนเหมือนคนอื่น คุณจะทำยังไง วัยรุ่นอายุเท่านี้ จะคิดถึงความรับผิดชอบต่อชีวิตคนอื่นได้หรือไม่? ในเมื่อเขาก็มีความต้องการทางร่างกาย จิตใจเหมือนคนอื่นๆ

ล่าสุด เด็กสาวอายุ 15 มาคลอดลูก ตรวจเลือดพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อ เด็กคนนี้ติดจากเพศสัมพันธ์กับแฟนที่อายุมากกว่า

แล้วในวันข้างหน้า อนาคตอีกหลายสิบปีของเด็กคนนี้ เด็กจะมีความยับยั้งชั่งใจพอหรือเปล่า ที่จะไม่แพร่เชื้อสู่คนอื่นต่อไปอีก?

ในเมื่อเราห้ามคนอื่นไม่ได้ ก็จงระวังตัวของท่านเองให้ดีๆก็แล้วกัน
เรื่องที่ 5

ครั้งหนึ่งตอนที่จบตรีใหม่ๆ ด้วยหน้าที่การงานทำให้ต้องเข้าไปเป็นตัวเสริมในการให้คำปรึกษาเรื่องโรคเอดส์

ได้เจอคนที่กำลังจะแต่งงานกันคู่หนึ่งมาตรวจเลือด ผลปรากฏว่าฝ่ายชายติดเชื้อ รู้ตัวอยู่แล้ว ระหว่างรอผล แวะมาบอกแพทย์ว่าไม่ต้องการบอกฝ่ายหญิง เอาจรรยาแพทย์มาขู่ว่า หมอบอกผลเลือดของเขาให้แฟนรู้ไม่ได้ ถ้าเขาไม่ยินยอม

รายนี้เล่นเอาจิตตก เพราะนอกจากจะไม่ต้องการบอกแล้ว ยังจะเอาการตรวจเป็นประกันอีกว่าไม่มีโรค

พูดออกมาได้ว่า เดี๋ยวตอนเขาป่วยจะไม่มีใครดูแล

ช่างไม่คิดถึงผู้หญิงที่ตัวเองบอกว่ารัก ผู้หญิงที่แข็งแรงสมบรูณ์ ผู้หญิงที่มีความฝันว่าจะมีลูก จะสร้างครอบครัวกับคนที่เธอรักที่สุด

ในโรงพยาบาลส่งต่อกันให้วุ่น จนถึงมือจิตแพทย์ ก็ไม่รู้ว่าผลเป็นอย่างไรนะ เพราะขอลาออกจากทีมมาก่อน บอกหัวหน้าไปว่า คงยังเด็กไป วุฒิภาวะยังไม่พอจะรับมือกับเคสนี้

ให้คำปรึกษาก่อนตรวจนั้นทำได้ วางแผนเพื่อบอกผลก็ทำได้ นัดให้คำปรึกษาหลังจากที่รู้ผลแล้ว และต้องปรับตัวก็ทำได้

แต่จะให้นั่งมองหน้าฆาตกร นั่งฟังเขาระบายความห่วงใยตัวเองว่าจะไม่มีใครดูแลในอนาคต จนต้องทำลายคนอีกคนหนึ่ง มันทำไม่ได้จริงๆ

ปล ถึงตอนนี้ผ่านมาหลายปีแล้ว ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะรับมือกับเคสแบบนี้ไหว
เรื่องที่ 6

แถมไปอีกสักอัน เมื่อวานนี้เอง

ผู้ชายอายุ 36 ปี ตายไม่ทราบสาเหตุ ประวัติจากภรรยาว่าไม่มีโรคประจำตัว อ่อนเพลีย ปวดหัวมากมาราวๆ 2 สัปดาห์ ไปตรวจแล้วCTแล้วก็ไม่พบความผิดปกติ แพทย์นัดตรวจในอีก 1 สัปดาห์แต่ตายไปก่อน

เรานั่งฟังประวัติ ดูอายุ ก็สั่งตรวจเลือดหา HIV ทันที ผลก็คือบวกไม่พลิกโผอะไร เจาะน้ำไขสันหลังมาส่อง .....แหม รายั้วเยี้ยเชียว ได้เหตุตายเรียบร้อย

แต่ที่ยากก็คือการบอกกับภรรยาเขานี่สิ เราบอกไปทั้งๆที่สงสารเขามากๆ พอภรรยาเขารู้ว่าสามีตัวเองตายจากอะไรนี่...จากที่ร้องไห้กลายเป็นนั่งนิ่งตาค้างแล้วก็พึมพำว่า "ไม่จริงๆ"

และที่มันน่าอนาถที่สุดก็คือการที่ผลออกมาว่าภรรยาของเขามีผลเลือดเป็นบวก เพิ่งแต่งงานกันมาได้แค่ปีกว่า และกำลังตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน......
.
.
.
ที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ "กรณีนี้เป็นเคสทั่วๆไปที่พบได้แทบจะทุกสัปดาห์"

ที่มา ข้อคิดจากชีวิตจริง ก่อนจะมีเซ็กซ์ มั่นใจหรือไม่ว่าปลอดเอดส์


Friday, November 19, 2010

พบวิธีตรวจหาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เจอตั้งแต่ ไม่มีอาการ

ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มหาวิทยาลัย บริสตอล แห่งอังกฤษ ค้นพบสิ่งที่อาจเป็นตัวบอกให้ทราบล่วงหน้าของมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ตั้งแต่ยังไม่ทันปรากฏอาการขึ้น

พวกเขาได้พบโปรตีน 2 ชนิด ที่เรียกกันว่า "ปัจจัยเติบโต" ปรากฏอยู่ในผู้ชายที่ป่วยเป็นปริมาณสูง โปรตีนทั้งคู่มีหน้าที่ควบคุมการเติบโต และพัฒนาตามปกติในอวัยวะกับเนื้อเยื่อ โดยเฉพาะในมดลูกและระหว่างช่วงตอนเด็ก

ผู้เชี่ยวชาญแมรี แอนน์ โรแลนด์ส หัวหน้าคณะศึกษา กล่าวว่า "ยังเร็วเกินกว่าที่จะบอกได้ว่า จะใช้มันเป็นตัวชี้บอกของมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชายระยะแรก ก่อนหน้าจะปรากฏอาการได้หรือไม่"

ทุกวันนี้หมอได้อาศัยการวัดหาสารที่สร้างจากต่อมลูกหมาก ซึ่งจะมีระดับสูงเมื่อมีมะเร็งต่อมลูกหมาก หากแต่การตรวจแบบนี้ไม่บอกให้รู้ตั้งแต่ระยะต้นๆ และยังไม่ค่อยแม่นยำนัก บางครั้งบอกผิดทั้งที่ไม่ใช่บ่อยๆก็มี.

ที่มา : ไทยรัฐ


Thursday, November 11, 2010

เป็นมะเร็ง ออกแรงได้ ไม่ต้องนอนพัก ออกเหงื่อได้เช่นคนปกติธรรมดา

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาหมอจะสั่งให้คนไข้มะเร็งพยายามพักผ่อนให้มาก อย่าออกแรงทำสิ่งใดระหว่างที่รักษาอยู่ เพื่อเก็บแรงเอาไว้ ต่อสู้กับโรค

แต่ทุกวันนี้นับวันยิ่งมีหมอและนักวิจัยมากขึ้น พากันบอกให้คนไข้ใช้แรงให้มากเท่าที่จะทำได้ ซึ่งจะช่วยให้ชนะโรคได้มากกว่า จนคณะผู้ทรงคุณวุฒิของวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์การกีฬาอเมริกัน ซึ่งเห็นหลักฐานความสำคัญของการออกกำลังของคนไข้มากขึ้น ได้ปรับปรุงข้อแนะนำในเรื่องนี้เสียใหม่

คณะได้ลงความเห็นว่า "คนไข้และผู้ที่รอดจากโรค ควรพยายามออกกำลัง ขนาดเดียวกับที่ได้แนะนำกับคนทั่วไป นั่นคือออกกำลังแบบแอโรบิก ในขนาดปานกลางถึงหนักหน่วง ให้ได้อาทิตย์ละ 150 นาที"

ผู้อำนวยการด้านโภชนาการและการออกกำลัง ของสมาคมแพทย์โรคมะเร็งอเมริกัน หมอโคลลีน ดอยล์ บอกว่า "การออกกำลังเป็นเรื่องสำคัญของคนไข้มะเร็ง แต่หมอและผู้มีอาชีพทางสาธารณสุขอีกหลายคน ยังห่วงเรื่องความปลอดภัยอยู่ ทำให้สงสัยว่า การออกกำลังของคนไข้ จะปลอดภัยหรือไม่ สำหรับคณะของเราแล้วได้ลงความเห็นว่ามันปลอดภัย".

ที่มา : ไทยรัฐ