Monday, January 7, 2008

คุณเป็นนักกินประเภทไหน

คุณกินเพราะหิวใช่ไหมล่ะ ? ต่อให้สารภาพอย่างตรงไปตรงมาแค่ไหน ก็ไม่ควรใช้เหตุผลทื่อมะลื่อขนาด นี้ บางครั้งเรากินเพื่อเข้าสังคม กินเพราะเครียด กินเพราะเศร้าสุดหัวใจ หรือเพราะเบื่อสุดขี แทบร้องกรี๊ด การทำความเข้าใจว่า ทำไมเราถึงกินเวลาที่ไม่หิว จะช่วยให้ควบคุมน้ำหนักตัวเองได้ มาดูซิว่า คุณมีสไตล์การกินแบบไหนกันแน่ และมีเคล็ดลับของแถมที่จะช่วยให้คุณจัดความสมดุลในการกินได้ไม่ยาก
  1. นักกินผู้ไม่คงเส้นคงวา
    เป็นประเภทอยากกินอาหารเพื่อสุขภาพอันดีอยู่ หรอก แต่ทำไม่ได้ซักที เรียกว่ามีเจตนาดี เพียงอยากปรับปรุงโภชนาการอาหาร แต่ไลฟ์สไตล์ทำให้ยากจะปฏิบัติ มักกินอาหารอย่างรีบร้อน โดดข้ามมื้อไปแล้ว ฉวยอะไรก็ได้เข้าปาก ทำงานพลางกินพลาง บางครั้งปล่อยท้องว่าง จนหิวตาลายกินไม่ยั้งในมื้อถัดไป คุณมีแนวโน้มที่จะกินของจุบจิบ แทนที่จะเป็นมื้ออย่างเป็นเรื่องเป็นราว มักอาศัยแค่ชา กาแฟ หรือช็อกโกแลตสักแท่ง (หรือสามแท่ง)

    หลุมพราง : รูปแบบการกินอันไม่คงที่ ทำให้กินจุมากเกินควร และมักเป็นอาหารประเภทไขมัน หรือน้ำตาลสูงอีกด้วยแล้ว การกินขณะสนใจเรื่องอื่นอยู่หมายถึง ร่างกายไม่ได้รับรู้ปริมาณอาหารที่กิน ซึ่งส่งผลให้กินปริมาณมากเกินความต้องการ

    เคล็ดลับในการอยู่รอด:
    • หมั่นดูแลตัวเองให้กินอาหารเช้าที่มีสุขภาพดี ไขมันต่ำ มีกากใยสูง พกของว่างที่มีประโยชน์ติดตัวไว้เผื่อเวลาหิวหน้ามืดขึ้นมา จะได้หยิบมาประทังชีวิตให้อยู่รอดได้อย่างมีสุขภาพดี เช่น ผลไม้แห้ง กล้วยหอม โยเกิร์ต
    • หาเวลานั่งกินอาหารโดยไม่ทำอย่างอื่นเลย ปิดสวิตช์เรื่องงานให้หมด เมินโทรศัพท์ แล้วมุ่งสมาธิไปสู่การกินสถานเดียว
    • เลิกราความคิดว่าจะงดอาหารมื้อใด ลองปรุงอาหารไขมันต่ำดูว่าชอบแบบไหน แล้วหมั่นดูแลให้แน่ใจว่า มีเครื่องปรุงตุนไว้ที่บ้านเสมอจะได้ทำเองได้ทุกเวลาไม่มีข้ออ้าง

  2. นักกินเจ้าอารมณ์
    เป็น พวกกินสนองอารมณ์ เช่น รู้สึกสุข เศร้า กระวนกระวาย โกรธหรือเบื่อหน่าย ความรู้สึกเครียด หรืออึดอัด ล้วนชักนำไปสู่การกิน เพื่อให้เกิดความอุ่นใจขึ้นมาได้ โดยเฉพาะเวลาอยู่ตามลำพัง นักกินแบบนี้มักมีอารมณ์ไม่ดีอยู่เสมอ ทำให้ต้องกินมากขึ้น (เพื่อให้อารมณ์ดี) กินแล้วมีน้ำหนักเพิ่มพรวด ซึ่งส่งผลให้รู้สึกย่ำแย่มากเข้าไปอีกเป็นลูกโซ่

    หลุมพราง : คุณมักดึงดูดเข้าไปหา "อาหารปลอบใจ" คือ อาหารประเภทมีไขมัน และน้ำตาลสูง คุณไม่สามารถควบคุมนิสัยการกินของตัวเองได้ ทำให้หิวหน้ามืด กินเพียบเกินงาม

    เคล็ดลับในการอยู่รอด:
    • จดไดอารี่บันทึกรายการอาหารที่กินเข้าไป เพื่อช่วยให้จับประเด็นสถานการณ์ หรือจับความรู้สึกอันเป็นตัวการที่ทำให้กินมากเกินไป โปรดดูว่า คุณสามารถบ่งชี้ความรู้สึกในทางลบได้หรือไม่ เมื่อรู้ว่าคืออะไร แล้วหาเวลาพัฒนากลยุทธ์รับมือสู้ด้วยวิธีการแบบที่ไม่เกี่ยวพันกับการกิน โปรดจำไว้ว่าถ้าคุณไม่ช่วยตัวเอง ก็จะไม่มีใครช่วยได้ ถ้าสาเหตุที่แท้จริงของการกินจนน้ำหนักเพิ่มพรวดคือ เรื่องงาน มิตรภาพ หรือความสัมพันธ์ที่ไปไม่รอด โปรดอย่ากลัวที่จะลุยสู้ก้าวต่อไป
    • ทำรายการสิ่งอื่น ๆ ที่คุณกระทำได้แทนที่จะกินลูกเดียว เพื่อรับมือกับความรู้สึกไม่สบายใจ ลดความเครียดด้วยการแช่น้ำในอ่าง หรือไปนวดตัว ระบายความรู้สึกโกรธด้วยการเขียนจดหมายถึงคนที่ทำให้คุณโกรธ (ไม่จำเป็นต้องส่งจดหมายหรอก) ดูหนังเศร้าแล้วร้องไห้ให้ตาบวม

  3. นักกินแสนใจลอย
    คุณมีชีวิตยุ่งเหยิงมาก ซึ่งทำให้ไม่ใส่ใจเรื่องการกินให้มีสุขภาพ ดีเลยสักนิด แม้ใจจะอยากทำอยู่หรอก และโดยรวม ๆ ก็กินดีพอประมาณ มักยืนกิน หรือกินไปทำอะไรไป คุณยอมรับว่าหยิบขนมปังมากินแก้หิวที่ทำงาน บางครั้งก็กินของเหลือจากลูก หรือแฟน หรือทำกับข้าวไปชิมไป แต่คุณเชื่อว่าตัวเองต้องป่วยเป็นอะไรผิดปกติขึ้นมาสักอย่างแน่ ๆ ถึงได้อ้วนเอา ๆ เพราะไม่ได้กินอะไรมากมายเลยนี่นา

    หลุมพราง : คุณไม่ได้สังเกตปริมาณแคลอรี่ที่ตัวเองกินเข้าไป แคลอรี่จึงเพิ่มพูนทบทวี โดยที่คุณไม่ทันตระหนักถึงโภชนาการอาหารของคุณ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่มีอยู่รอบตัว ดังนั้นคุณอาจกิน กิน กิน เพียงเพราะอาหารอยู่ใกล้มือตอนนั้น

    เคล็ดลับในการอยู่รอด:
    • สัญญากับตัวเองว่า ตลอดสี่สัปดาห์ข้างหน้า คุณจะไม่ทำอะไรตอนกิน ห้ามใจไม่ให้กินช็อคโกแลตตอนดูโทรทัศน์ หรือขับรถยนต์ ทุกครั้งที่กินอะไร ต่อให้เป็นของว่างชิ้นเล็กแค่ไหน ให้ใช้เวลารื่นรมย์กับอาหารนั้นอย่างเชื่องช้า เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลารับรู้แคลอรี่ที่กินเข้าไป คุณจะได้ไม่กินจุเกินไป
    • จัดเวลากินอาหารให้เป็นเรื่องใหญ่ โดยให้สมาชิกทุกคนในบ้านนั่งร่วมโต๊ะกันพร้อมหน้า
    • จำกัดโอกาสที่คุณจะกินไปทำงานไป อย่าเก็บของว่าง เช่น ขนมปังกรอบ หรือช็อกโกแล็ตเอาไว้ใกล้มือทั้งที่ทำงาน ที่บ้าน และในรถเป็นอันขาด
    • จำกัดตัวเองให้กินอาหารวันละสามมื้อ ถ้าหิวระหว่างมื้อให้กินผลไม้

  4. นักจำกัดอาหารตัวยง
    คุณอาจตัดอาหาร บางอย่าง หรือลองโภชนาการอาหารใหม่ ๆ แต่สักพักก็เลิกรา หันมากินอาหารที่อดไปนาน โดยเฉพาะเวลาเครียด คุณอาจโหดกับตัวเองเรื่องการกิน และมักชอบติเตียนตนไม่หยุดหย่อน คุณรู้ดีว่ากุญแจขานไขไปสู่การลดน้ำหนักระยะยาวคือ การกินอาหารให้สมดุล และออกกำลังกาย แต่ก็ยังอดปักใจเชื่อไม่ได้ว่า การจำกัดอาหารอย่างแข็งขันนั้น ส่งผลให้คุณมีหุ่นในฝันขึ้นมาได้

    หลุมพราง : การตัดทอนอาหารบางอย่างออกไป ชักนำไปสู่โภชนาการอาหารที่ไม่สมดุล ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ร่างกายคุณตอบสนองต่อแคลอรี่ต่ำที่ได้รับ ด้วยการปรับปรุงความสามารถในการเก็บกักไขมันเอาไว้ เพื่อว่าเมื่อคุณหันมากินแบบปกติอีกครั้ง คุณจะมีน้ำหนักมากขึ้นกว่าเก่า

    เคล็ดลับในการอยู่รอด:
    • เปลี่ยนแนวทางการจัดการเรื่องน้ำหนักในรูปแบบใหม่ ลืมเรื่อง "ไดเอต" แล้วเน้นที่การกินอย่างมีสุขภาพดีระยะยาว และทำกิจกรรมที่ใช้กำลังกายอย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมงทุกวัน
    • กินอาหารน้อยลงในมื้ออาหาร และเลือกผักผลไม้เป็นส่วนใหญ่
    • ความหลากหลายคือ ก้าวแรกของการไดเอตอย่างมีสุขภาพดี ให้ทำรายการอาหารที่คุณตัดออกไป หรือไม่ชอบ โดยดูว่ามีอันใดที่อาจหวนกลับไปกินใหม่ได้อีก อาจลองปรับปรุงด้วยวิธีแตกต่างจากเดิม หรือกินร่วมกับอาหารอื่น ๆ ที่คุณชอบให้พอกล้อมแกล้มไปได้
    • ตลาดสด และซูเปอร์มาร์เก็ตล้วนมีผลไม้ และผักให้เลือกหลากหลายชนิด ลองเลือกดูชนิดใหม่ ๆ มาลิ้มลองเปลี่ยนไปทุกสัปดาห์แก้เบื่อ
    • ลืมเรื่องอาหารว่า "ดี" หรือ "ไม่ดี" ไปเสีย จำไว้ว่าอาหาร (ไม่ว่าจะเป็นชีส พิชซ่า หรือช็อกโกแล็ต) นั้น ไม่เป็นไร ตราบเท่าที่กินปริมาณน้อย


Powered by ScribeFire.

เคล็ดลับการรับประทานอาหาร เพิ่มอกอึ๋ม

ใครจะนึกบ้างว่า หน้าอกของเราจะมีรูปทรงสวยได้นั้น เกิดจากพื้นฐานง่ายๆ นั่นคือการรับประทานอาหารค่ะ

เรื่องนี้ได้มาจากการบรรยายของ เภสัชกรหญิงนันทวดี พิทยาพิบูลย์พงษ์ ผู้จัดการพัฒนาธุรกิจความงามและสุขภาพ บริษัท Venus aesthetic ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาหน้าอก และให้บริการเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดหน้าอก ซึ่งทำให้ทราบว่า การที่หน้าอกหย่อนไม่ได้รูปนั้น เกิดจากอิลาสตินคอลลาเจน (เนื้อเยื่อตรงฐานอกซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้หน้าอกมีความยืดหยุ่นและคงตัว) ไม่แข็งแรง และสาเหตุที่ไม่แข็งแรงนั้น ก็เพราะการรับประทานอาหารแบบทุโภชนาการ รวมถึงการอดอาหารลดน้ำหนักที่ไม่ถูกต้อง

ส่วนประกอบของร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าคือโปรตีนและไขมัน แต่อาหารที่ผู้หญิงนิยมรับประทานกันคือ ผักและผลไม้ ซึ่งเป็นส่วนของพลังงานทั้งสิ้น แต่ในความจริงแล้วร่างกายของเราต้องมีการสร้างซ่อมตลอดเวลา และวัตถุดิบในการสร้างซ่อมก็มาจากอาหารที่เราบริโภคเข้าไปสู่ร่างกาย ดังนั้น หากเราไม่รับประทานอาหารที่ร่างกายสามารถนำไปสร้างซ่อมได้ ร่างกายก็จะย่อยเนื้อเยื่อออกมาก่อนแล้วนำกลับไปใหม่ ทำให้ไม่สามารถซ่อมแซมส่วนที่ต้องซ่อมแซมได้ รวมทั้งการย่อยแบบนี้จะทำให้เนื้อเยื่อต่างๆหลวม รวมไปถึงเนื้อเยื่อตรงฐานหน้าอกด้วย และนี่คือคำตอบว่าทำไมหน้าอกของเราจึงหย่อนและไม่กระชับ สาเหตุก็เพราะเรารับประทานอาหารไม่ถูกสัดส่วนนี่เอง

คำแนะนำคือ หากต้องการให้หน้าอกของเรากระชับและตั้งขึ้น จะต้องเปลี่ยนวิธีการบริโภคอาหารเสียใหม่ คือรับประทานให้ครบถ้วน โดยเน้นโปรตีนให้เพียงพอ เพราะการรับประทานโปรตีนอย่างเพียงพอ จะทำให้ร่างกายมีวัตถุดิบในการสร้างซ่อมตัวเอง

สำหรับคนที่กลัวว่ารับประทานอาหารครบถ้วนแล้วจะอ้วน ก็ขออธิบายต่อว่า หมวดที่ทำให้อ้วนนั้นได้แก่ แป้งและน้ำตาล ทั้งสองอย่างนี้ใช้เวลาในการย่อยไม่เกิน 40 นาที เมื่อย่อยเสร็จแล้ว แป้งและน้ำตาล จะอยู่ในรูปกลูโคส ซึ่งเป็นพลังงานหลัก แต่ร่างกายก็ยังไม่สามารถนำไปใช้ได้ ต้องมีตัวพานั่นก็คืออินซูลิน เพราะอินซูลินจะพากลูโคสเข้าสู่เซลล์ของกล้ามเนื้อและเปลี่ยนกลูโคสให้เป็นพลังงาน ถ้าใช้ไม่หมดอินซูลินจะนำกลูโคสที่เหลือไปเปลี่ยนเป็นพลังงานไขมันต่ำ สะสมไว้ในชั้นของไขมัน เพราะฉะนั้นการรับประทานอาหารที่มีแป้ง ของหวาน ขนม จะเป็นการรับประทานที่สะสมไขมันอยู่ตลอดเวลา และไม่เคยนำส่วนที่สะสมนี้ไปใช้ได้เลย โรคอ้วนจึงเกิดขึ้นกับเรา

วิธีที่จะนำไขมันสะสมออกมาใช้นั้น จะต้องมีโปรตีนเข้าไปช่วย เพราะหากโปรตีนไปปนอยู่กับแป้งและน้ำตาลจะทำให้การย่อยช้าลง เกิดการทยอยเข้าสู่กระแสเลือด อินซูลินจะถูกเรียกมาใช้อย่างช้าๆ ใช้แล้วก็หมดไป โอกาสที่จะนำกลูโคสไปสะสมในชั้นไขมันจะลดลง อีกทั้งโปรตีนจะเรียกฮอร์โมนที่ชื่อกลูคากอนออกมา กลูคากอนจะสามารถนำไขมันเก่ามาใช้เป็นพลังงานได้ด้วย แต่โปรตีนควรรับประทานคู่กับผักด้วย เพราะผักจะช่วยซับเอาไขมันส่วนเกินออกไป อีกทั้งไขมันก็เป็นสิ่งที่เราไม่ได้ต้องการ มากเกินไปด้วย

วิธีรับประทานโปรตีนที่ถูกต้องนั้น ให้ใช้ฝ่ามือของตัวเองชี้วัด กล่าวคือ ในตอนเช้า ควรรับประทานโปรตีน ประมาณ ครึ่งฝ่ามือหรือ ไข่ 1 ลูก ตอนกลางวัน รับประทานโปรตีน 3/4 ของฝ่ามือ และในตอนเย็น รับประทานโปรตีนให้เท่ากับ 1 ฝ่ามือ เหตุที่ต้องรับประทานโปรตีนให้มากในช่วงเย็นนั้น เพราะ 70% ของร่างกายจะถูกซ่อมแซมขณะที่เรานอนหลับ ส่วนคนที่นอนน้อย อย่างเช่น นอนตอนตี 1 แต่รับประทานมื้อเย็นไปเมื่อเวลา 18.00 น. นั้น ปกติร่างกายของเราควรมีการเติมอาหารทุกๆ 4 ชั่วโมง ดังนั้น หากเกิดกรณีนี้ในช่วง สี่ทุ่ม ร่างกายของเราจะย่อยอาหารเรียบร้อยแล้ว ช่วงเวลานี้จึงควรทานอะไรเพิ่มเติมเข้าไปและขอแนะนำว่าให้เป็นเรื่องของโปรตีนเท่านั้น เช่น นมหรือน้ำเต้าหู้ เพราะจะได้นำไปเก็บเป็นวัตถุดิบในการสร้างซ่อมได้

การรับประทานให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง หน้าอกกระชับได้รูปมากขึ้นแล้ว หากต้องการทำให้หน้าอกใหญ่ขึ้นโดยการใช้ทรีตเม้นต์และนวัตกรรมจากสถาบันที่เชื่อถือได้ คุณก็จะประสบผลสำเร็จได้ไม่ยาก แต่ถ้าคิดว่าเพียงแค่ต้องการให้หน้าอกคงความกระชับได้รูป การรับประทานอาหารและออกกำลังกาย บริหารหน้าอก ใส่ชุดชั้นในอย่างถูกต้องก็คงจะเพียงพอแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะพอใจแค่ไหน แต่ถึงอย่างไร หากคุณเลือกในสิ่งที่มีคุณค่าให้กับตัวของคุณได้เองตั้งแต่วันนี้ คุณก็จะสวย สดใส มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วค่ะ

Powered by ScribeFire.

ประโยชน์ของน้ำอุ่น

ใครที่ชอบอาบน้ำอุ่น จากเครื่องทำอุ่น รู้หรือไม่ว่ามีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกาย

วันนี้เกร็ดความรู้มีประโยชน์ของเครื่องทำน้ำอุ่นมาบอกกัน...
  • กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
    การอาบน้ำอุ่นเป็นผลดีต่อสุขภาพของผู้อาบ สายน้ำอุ่น ณ อุณหภูมิที่เหมาะสมจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ให้สูบฉีดไปทั่วร่างกาย

  • การอาบน้ำอุ่นช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย และเกิดการตื่นตัว
    ช่วยรักษาบรรเทาความปวดเมื่อย และความตึงเครียดของกล้ามเนื้อตามร่างกาย

  • ปราศจากสิ่งสกปรกอุดตันรูขุมขน การอาบน้ำในอุณหภูมิที่พอเหมาะ
    จะช่วยรักษาผิวพรรณ ชะล้างไขมันบนผิวหนัง และทำความสะอาดลึกถึงรูขุมขนได้ดีกว่า

  • เพิ่มความสดชื่น คืนความกระปรี้กระเป่า
    เพราะสายน้ำอุ่นจะลดประจุบวก และเพิ่มประจุลบรอบข้างในอากาศขณะอาบน้ำ ช่วยทำให้คุณ หายใจได้คล่องขึ้น รู้สึกสดชื่นภายหลังจากอาบน้ำ
รู้อย่างนี้แล้ว หันมาอาบน้ำอุ่นกันดีกว่า เพื่อสุขภาพที่ดี

ที่มา นสพ.เดลินิวส์

Powered by ScribeFire.