Monday, September 22, 2008

รู้จักมั้ยโรค"เบอริเบอรี่"

โรค เบอริเบอรี่ (beriberi) ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในเวลานี้ หลายคนคงไม่รู้จัก แต่เมื่อพูดถึงโรคเหน็บชา คงจะคุ้นหูกันดี สาเหตุเกิดจากการขาดวิตามินบี 1 ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย มีหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการเผาผลาญอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน แปรไปเป็นพลังงาน และมีส่วนสำคัญของระบบประสาท โดยเฉพาะในด้านนำกระแสความรู้สึกของเส้นประสาท

วิตามิน บี 1 เป็นสารที่ละลายน้ำ ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร มีมากในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อหมูจะมีมากที่สุด แต่ในเนื้อสัตว์ชนิดอื่นก็มีเช่นกัน และยังมีอยู่ในถั่วลิสง ถั่วเหลือง ถั่วแดง ข้าวกล้อง จมูกข้าว ข้าวมันปู ข้าวเหนียวดำ งาขาว งาดำ เป็นต้น

แต่ละ วันร่างกายต้องการวิตามินบี 1 เพื่อไปแปรให้เกิดพลัง โดยร่างกายจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติเมื่อมีภาวะด้านสรีรวิทยา เช่น เด็กที่อยู่ในวัยเจริญเติบโต หญิงมีครรภ์ หรือให้นมบุตร นักกีฬา หรือผู้ใช้แรงงาน หรือมีภาวะทางพยาธิวิทยา คือ มีโรคติดเชื้อ เจ็บป่วย ภาวะเครียด หรือธัยรอยด์ทำงานหนัก

ร่าง กายต้องการใช้วิตามินบี 1 ตลอดเวลาเพื่อนำไปสร้างเป็นพลังงาน แต่หากร่างกายทำงานหนักมากติดต่อกันหลายวัน โดยไม่ได้รับวิตามินบี 1 โอกาสที่จะเกิดโรคเบอริเบอรี่ถึงขั้นรุนแรงได้ ในเด็กจะพบบ่อยในทารกอายุ 2-3 เดือนที่ดื่มนมแม่ที่ขาดวิตามินบี 1 เด็กจะมีอาการ เช่น หน้าเขียว หอบเหนื่อย ตัวบวม หัวใจเต้นเร็ว หัวใจโต ร้องเสียงแหบหรือไม่มีเสียง อาจเสียชีวิตได้ภายใน 2-3 ชั่วโมงหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

หากเกิดในวัยผู้ใหญ่จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ Dry beriberi คือ การชาแบบไม่บวม มักเป็นตามปลายมือ ปลายเท้า กล้ามเนื้อแขนขาไม่มีกำลัง ไม่อันตราย และอีกชนิดคือ Wet beriberi จะมีอาการบวมร่วมกับการชาปลายมือ ปลายเท้า มีน้ำคั่งในช่องท้อง ช่องปอด บางรายจะมีอาการหอบเหนื่อย หัวใจโตและเต้นเร็ว อาจหัวใจวายได้ ที่มีอันตรายและส่งผลต่อหัวใจมากเพราะหัวใจเป็นอวัยะส่วนที่ทำงานตลอดเวลาต้องการพลังงานมากกว่าส่วนอื่น

การ ป้องกันทำได้ง่ายนิดเดียว เพียงทานอาหารที่มีวิตามินบี 1 หากทานเนื้อสัตว์ไม่ได้ ก็ทานข้าวกล้อง จมูกข้าวแทน หรือทานวิตามินเสริม ซึ่งหลักสำคัญคือ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ก็เพียงพอแล้ว

ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

No comments: