Thursday, September 3, 2009

8 ข้อ ป้องกันโรคนิ้วล็อก

โรคนิ้วล็อกจะเป็นกับคนที่มีการใช้งานมือมากเกินไป หรือใช้ผิดวิธี โดยเฉพาะผู้หญิงถึงร้อยละ 80 ที่หิ้วของหนักๆซ้ำๆ นิ้วที่พบปัญหาล็อกบ่อยที่สุดคือ นิ้วหัวแม่มือและนิ้วนาง อาชีพที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคนิ้วล็อกและต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือ แม่บ้านที่ต้องหิ้วของหนักๆ คนตัดสวน ตัดแต่งกิ่งไม้ ช่างไฟฟ้า หมอนวดแผนโบราณ พนักงานพิมพ์คอมพิวเตอร์ นักกีฬาแบดมินตัน นักกอล์ฟ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังพบได้ในคนที่มือเกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ และพบร่วมกับผู้ป่วยโรคข้ออักเสบชนิด
รูมาทอยด์ หรือผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสเป็นมากกว่าปกติ
โรคนิ้วล็อก มีสาเหตุชัดเจน และหากรู้จักระมัดระวังการใช้นิ้วอย่างถูกวิธีจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่ปลอกหุ้มเส้นเอ็นได้ ดังนี้
  1. ไม่หิ้วของหนัก เช่น ถุงพลาสติก ตะกร้า ถังน้ำ ถ้าจำเป็นต้องหิ้ว ควรใช้ผ้าขนหนูรองและหิ้วให้น้ำหนักตกที่ฝ่ามือ แทนที่จะให้น้ำหนักตกที่ข้อนิ้วมือ หรือใช้วิธีการอุ้มประคองช่วยลดการรับน้ำหนักที่นิ้วมือได้
  2. ไม่ควรบิด ซักผ้าด้วยมือเปล่า จำนวนมากๆ และซ้ำบ่อยๆ และไม่ควรบิดผ้าให้แห้งสนิท เพราะจะยึดปลอกหุ้มเอ็นจนคราก และเป็นจุดเริ่มต้นของโรคนิ้วล็อก
  3. นักกอล์ฟที่ต้องตีแรง ตีไกล ควรใส่ถุงมือ หรือใช้ผ้าสักหลาดหุ้มด้ามจับให้หนาและนุ่มขึ้น เพื่อลดแรงปะทะ และไม่ควรไดรกอล์ฟต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ
  4. เวลาทำงานที่ต้องอาศัยอุปกรณ์ช่าง ควรระวังการกำ บด เครื่องมือทุ่นแรง เช่น ไขควง เลื่อย ค้อน ฯลฯ ควรใส่ถุงมือหรือห่อหุ้มด้ามจับให้ใหญ่และนุ่มขึ้น
  5. ชาวสวนระวังเรื่องการตัดกิ่งไม้ด้วยกรรไกร หรืออื่นๆที่ใช้แรงมือ ครวใส่ถุงมือเพื่อลดการบาดเจ็บของปลอกเอ็นกับเส้นเอ็นและควรใช้สายยางรดน้ำต้นไม้แทนการหิ้วถังน้ำ
  6. คนที่ยกของหนักๆเป็นประจำ เช่นคนส่งน้ำขวด ถังแก๊ส แม่ครัวพ่อครัว ควรหลีกเลี่ยงการยกมือเปล่า ควรมีผ้ามารองจับขณะยก และใช้เครื่องทุ่นแรง เช่น รถเข็น รถลาก
  7. หากจำเป็นต้องทำงานที่ต้องใช้มือกำ หยิบ บีบ เครื่องมือเป็นเวลานานๆ ควรใช้เครื่องทุ่นแรง เช่น ใช้ผ้าห่อที่จับให้หนานุ่ม เช่น ใช้ผ้าห่อด้ามจับตะหลิวในอาชีพแม่ครัวพ่อครัว
  8. งานบางอย่างต้องใช้เวลาทำงานนานต่อเนื่อง ทำให้มือเมื่อยล้าหรือระบม ควรพักมือเป็นระยะๆ เช่นทำ 45 นาที ควรจะพักมือสัก 10นาที
    ถึงแม้โรคนิ้วล็อกจะเป็นโรคที่รักษาหายได้แต่ก็ควรกันไว้ก่อนย่อมดีกว่า
ที่มา : นิตยสารชีวจิต ปีที่ 8 ฉบับ 16 มิถุนายน 2549 presented by : ชานิดา แสงสุริย์


No comments: