Friday, October 2, 2009

โรคถูกสาป

รู้จัก...โรคถูกสาป

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจากนิตยสาร marie claire

หลัง ข่าวของ ด.ญ.ฐิติญาพร วัตรเยื้อง หรือน้องออมทรัพย์ หนูน้อยวัย 2 ขวบ และ ด.ญ.มินตรา คำมูล หรือน้องมิ้นต์ ที่ป่วยเป็นโรคประหลาดต้องพึ่งเครื่องช่วยหายใจในโรงพยาบาล โดยไม่เคยได้กลับบ้านเลย นั่นคือ "โรคถูกสาป" ได้เผยแพร่ออกไป ทำให้หลายคนงงๆ เพราะไม่รู้ว่าโรคนี้คือโรคอะไร วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปทำความรู้จักกับ "โรคถูกสาป" นี้กันค่ะ...

โรค ถูกสาป หรือ Congenital Central Hypoventilation Syndrome หรือ Ondine’s Curseป็นโรคที่เวลานอนจะไม่หายใจ แต่เวลาตื่นก็หายใจได้ตามปกติ โดยสมองของผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะทำงานผิดปกติ คือเวลาคนทั่วไปนอนหลับ ศูนย์ควบคุมการหายใจที่สมองจะส่งคำสั่งมาที่หลอดลมและกระบังลม แต่กรณีผู้ป่วยโรคนี้สมองจะไม่ยอมสั่งการเวลานอนหลับ จึงจำเป็นต้องใส่เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลาในการนอน และตลอดทั้งชีวิต ทั้งนี้ โรคถูกสาปไม่ค่อยปรากฎผู้ป่วยด้วยโรคนี้นัก ตามข้อมูลระบุ ทั้งโลกมีคนเป็นไม่เกิน 500 คน ส่วนใหญ่เป็นมาแต่กำเนิด และโอกาสหายมีน้อย

สำหรับสาเหตุของโรคยังไม่ทราบแน่ชัด ส่วนใหญ่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ซึ่งในช่วงแรกสามารถสังเกตอาการของเด็กเป็นโรคถูกสาปได้คือ เวลาร้องตัวจะแดงจัด เวลานอนตัวจะเขียว เนื่องจากหายใจไม่ออก ดังนั้น การหลับนอนจึงจำเป็นต้องอยู่ที่โรงพยาบาลตลอด เพื่อใช้เครื่องช่วยหายใจ และป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค

คุณนนทิญา อินต๊ะ แม่น้องออมทรัพย์ หรือ ด.ญฐิติญาพร วัตรเยื้อง เล่าให้ฟังว่า ลูกของเธอเกิดวันที่ 26 กันยายน พ.ศ 2549 ปัจจุบันอายุ 2 ปี 5 เดือน น้องออมทรัพย์คลอดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ โดยในวันแรกที่คลอด แพทย์พบอาการผิดปกติในเรื่องระบบการหายใจ จึงส่งตัวให้ทางคณะแพทย์โรงพยาบาลจุฬาฯ หาสาเหตุอาการป่วย และท้ายที่สุดแพทย์ได้สรุปว่า น้องออมทรัพย์ป่วยด้วยโรคถูกสาป คือ การสั่งการของสมองมีการแลกเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และออกซิเจนผิดปกติ ทำให้มีผลต่อการพัฒนาสมองและอาจทำให้หยุดการหายใจได้ ซึ่งจะมีอาการเฉพาะเวลาที่นอนหลับเท่านั้น เวลาที่ตื่นก็จะปกติทุกอย่าง

"ทั้งตัวเองและสามีไม่เคยได้ยินชื่อโรคนี้มาก่อนเลย เราเสียใจร้องไห้อยู่นาน คิดวนเวียนแต่ว่าเราไปทำบาปกรรมอะไรไว้ถึงได้มาตกกับลูก ลูกต้องถูกเจาะคอและเจาะหน้าท้องเพื่อให้นมทางสายยาง แรกๆ เครียดมาก แต่พอได้อยู่กับลูกที่โรงพยาบาล ได้เห็นเตียงข้างๆ เขาเกิดมาแล้วเป็นมะเร็งเลย แล้วก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน เด็กบางคนนอนอยู่บนเตียงมีเครื่องช่วยชีวิตระโยงระยางเต็มไปหมด แต่พ่อแม่เขายังสู้ เลยหันกับมาฮึดสู้เพื่อลูกบ้าง" คุณแม่น้องออมทรัพย์ กล่าว

ปัจจุบันน้องออมทรัพย์ไม่เคยได้กลับบ้าน เนื่องจากจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจในเวลานอน ทั้งนี้ แพทย์แจ้งว่าทางพ่อและแม่สามารถพาน้องกลับบ้านได้ แต่จะต้องมีเครื่องช่วยหายใจกลับไปด้วย ซึ่งเครื่องช่วยหายใจที่ว่านี้ ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ ราคาเครื่องละประมาณ 500,000 บาท นับเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเกินกว่าครอบครัวจะรับไหว คุณแม่น้องออมทรัพย์จึงตัดสินใจเขียนจดหมายส่งไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ พร้อมๆ กับการช่วยเหลืออีกแรงจากทีมแพทย์

"เงิน 500,000 แสนบาท มันเป็นเงินที่เยอะมากๆ สำหรับครอบครัวเรา ตัวเราเองก็พยายามวิ่ง ติดต่อทุกทางไปติดต่อที่ อบต.จังหวัด เขาก็บอกว่าตอนนี้ยังไม่มีงบประมาณเร่งด่วน ถ้าครอบครัวเราจะทำสัญญาผ่อนเงินจำนวนนี้จะไหวไหม เราก็เอากลับมาคิดตอนนี้ทั้งตัวเองและสามีก็พยายามหาทางเต็มที่ เราก็หวังว่าวันหนึ่ง ลูกจะได้กลับไปอยู่บ้าน ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก ตอนนี้ก็พยายามไม่ร้องไห้ แต่อาจมีบ้างตอนคิดถึงลูกแล้วมาเยี่ยมไม่ได้"

ต่อมา เรื่องราวของน้องออมทรัพย์ได้รับการตีแผ่ผ่านรายการเรื่องจริงผ่านจอ ทำให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง ปรากฏว่า มี ผู้ใจบุญบริจาคเงินเข้ามามากสำหรับเครื่องช่วยหายใจทั้ง 1 เครื่อง โดยทีมแพทย์วิเคราะห์แล้วเห็นว่าจะให้กับน้องออมทรัพย์ก่อน เนื่องจากทางครอบครัวมีความพร้อมมากกว่า

ด้าน รศ.พญ.นวลจันทร์ ปราบพาล หน่วยโรคระบบหายใจ ภาควิชา กุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ ระบุว่า ในเมืองไทยมีผู้ป่วยด้วยโรคถูกสาปทั้งหมด 3 ราย คนไข้เคสแรกในเมืองไทย ชื่อ ข้าวปุ้น ปัจจุบันอายุ 18 ปีแล้ว พ่อและแม่เขาค่อนข้างมีฐานะเลยสามารถซื้อเครื่องช่วยหายใจได้ ทุกวันนี้ เขาก็ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ ส่วนอีกคนคือ ชื่อน้องมิ้นต์ ด.ญ.มินตรา คำมูล อายุ 3 ขวบครึ่ง นอนอยู่เตียงใกล้กับน้องออมทรัพย์

"ปกติเด็กเหล่านี้ เราต้องให้เขาอยู่โรงพยาบาลถึง 3 ขวบ แต่น้องออมทรัพย์พัฒนาการค่อนข้างเร็วเลยคิดว่าเขาน่าจะกลับไปอยู่บ้านได้ ก่อน 3 ขวบ แต่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจสำหรับเด็กโดยเฉพาะ สามารถใช้งานได้นาน 5 ปี ซึ่งของเด็กจะราคาแพงกว่าเด็กโตหรือของผู้ใหญ่ แต่หากน้องโตแล้วก็สามารถเปลี่ยนเป็นการผ่าตัดที่กระบังลมใส่เครื่องกระตุ้น กระบังลมในการหายใจให้ดีขึ้นได้ แต่ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงเช่นกัน" คุณหมอ กล่าว

ล่า สุด ยอดการบริจาคมากพอสำหรับเครื่องช่วยหายใจอีก 1 เครื่อง สำหรับ น้องมิ้นต์ ด.ญ.มินตรา คำมูล แล้ว อย่างไรก็ตาม ทั้งน้องมิ้นต์ และน้องออมทรัพย์ ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องช่วยหายใจและการรักษาอีกมากพอ สมควร ...ทีมงานกระปุกดอทคอมขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวน้องมิ้นต์ และน้องออมทรัพย์ ด้วยนะคะ

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจจะช่วยเหลือ "น้องออมทรัพย์" สามารถบริจาคไปได้ที่บัญชีคุณแม่น้องออมทรัพย์ น.ส. นนทิญา อินต๊ะ เพื่อ ด.ญ. ฐิติญาพร วัตรเยื้อง ธ.กสิกรไทย สาขาตลาดคลองสวน เลขที่บัญชี 310-2-31383-5 และผู้ที่สนใจบริจาคซื้อเครื่องช่วยหายใจของ "น้องมิ้นท์" สามารถติดต่อบริจาคช่วยเหลือได้ที่ ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย เลขที่บัญชี 045-2-94149-6 ชื่อบัญชี หน่วยกุมารเวชศาสตร์โรคระบบหายใจ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก, นิตยสาร marie claire


ผลของการรักษาสิวเป็นระยะเวลานาน กับยาหมอ!!!

พอดีว่าผมได้เรื่องนี้มาจากกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8368133/L8368133.html เห็นว่าน่าสนใจดีครับ ก็เลยขอเอามาแปะในบ้านของตัวเอง ฮ่าๆๆๆ

ตามไปอ่านกันได้เลยครับ
 
เตือนสาวๆ ที่กำลังรักษาสิวค่ะ vote  

ขอใช้บัตรผ่านนะคะ อายค่ะ กลัวเพื่อนมาเห็นทู้ค่า
ปกติไม่ค่อยได้เข้ามาห้องนี้เท่าไหร่ค่ะ แต่
อยากมาเล่าประสบการณ์ของตัวเอง หลังจากได้บทเรียนราคาแพงจากการรักษาสิวค่ะ
เริ่มเป็นสิว ผื่นแพ้ ตอนอายุ 19 เป็นยัยหน้าสิวเขรอะ จนถึงประมาณอายุ 27 ค่ะ (ตอนนี้ 32 ค่ะ)
จนพี่ที่รู้จักกันแนะนำหมอรักษาสิวให้ค่ะ ก็เลยไปรักษาจนหายเป็นสิว หน้าใส สวยขึ้น
เลยไม่อยากกลับไปเป็นยัยสิวเขรอะแล้วค่ะ พอสิวมาอีกเมื่อไหร่ก็รีบไปหาหมอทันที
ไม่เคยปล่อยให้สิวอยู่บนหน้าเกิน 1 อาทิตย์ ค่ะ บางทีเจอสิวหัวช้างขึ้น ปุ๊บ ก็รีบไปฉีดสิวให้มันยุบค่ะ
จะภูมิใจมาก เวลาใครๆ ชมว่าผิวดี หน้าใสค่ะ แบบว่าคนมันเคยมีปมด้อยนี่น่า
รักษาสิวมา 5 ปี ทายา กินยา ตามที่หมอจัดให้ แต่ไม่สม่ำเสมอ บางทีแอบขี้เกียจ

เกริ่นจบแล้ว เข้าประเด็นล่ะ
เมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา เป็นตกขาวค่ะ เยอะมาก แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
เพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติของผู้หญิง และไม่มีอาการอื่นๆร่วมด้วย ไม่คัน ไม่มีกลิ่นเหม็น
จนปล่อยให้มันลุกลามไปใหญ่ ทำให้เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบค่ะ ถึงได้รู้จากหมอ
ว่าอาจจะมีผลมาจากตกขาว ก็กินยารักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบจนหาย และได้ยาเหน็บ
รักษาอาการตกขาวมาด้วย แต่ไม่หายค่ะ ตอนนี้ตกขาวเริ่มผิดปกติมากแล้ว
จากเดิมเป็นก้อนเล็กๆ คล้ายนมที่ทารกแหวะออกมา ก็เริ่มมีกลิ่น คัน ลามมาถึงข้างนอกแล้ว
ก็หาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ก็ได้ข้อมูลว่ายารักษาสิวมันไปฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อส่วนนั้น พอไม่มีมันเชื้อราก็เลยบุกค่ะ
หลังจากหาข้อมูลจนมั่นใจแล้ว ว่ารู้สาเหตุ และคิดว่าไม่ต้องตรวจภายในค่ะ
แค่เล่าอาการ คุณหมอน่าจะจัดยามาให้ได้เลย
ทีนี้ก็เลยไปหาหมอค่ะ แต่ไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจค่ะ ดันเจอคุณหมอดุ
พยายามต่อรองแล้ว แต่คุณหมอยืนยันว่าต้องตรวจภายใน และให้ขึ้นเตียงที่มีขาหยั่งค่ะ
อายมาก ทั้งคุณหมอ ทั้งคุณพยาบาล เฮ้อ นึกแล้วยังอายไม่หายเลยค่ะ
ยังดีนะที่ขอคุณหมอผู้หญิงไปตั้งแต่แรก
แต่ที่สำคัญ คุณหมอบอกว่ามันจะไม่หายขาด จะเป็นๆ หายๆ ค่ะ เสียใจที่พลาดไปแล้ว
กับการห่วงสวย จนไม่นึกถึงผลที่จะตามมา ไม่อยากโทษหมอที่รักษาสิว โทษตัวเองค่ะ โง่เอง

เลยอยากจะมาเตือนสาวๆ ที่กำลังรักษาสิวค่ะ เวลาคุณหมอให้ยา เค้าจะไม่บอกถึงผลข้างเคียงของยาค่ะ
ถึงเราจะถามแล้ว เค้าก็พูดให้เราสบายใจตลอดว่าไม่เป็นไร ยาตัวนี้ขนาดเด็กยังกินได้เลยนะ
ไม่อันตรายจริงๆ ถ้าไม่กิน สิวก็ไม่หายขาด ขนาดเป็นสิวแค่ 2 เม็ดยังได้ยามากินเลย ก็โง่กินไง
ตอนนี้ยังไม่รู้อนาคตตัวเองเลยว่าจะเป็นยังไง คงต้องหาหมออย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนตายหรือเปล่า
ไอ้แบคทีเรียที่เรากินยาฆ่ามันไป มันจะมาเกิดใหม่อีกมั้ย รู้สึกเหมือนโหยหาลูกที่ทำแท้งไปยังไงก็ไม่รู้
ทีแน่ๆ คือ เข็ดกับหมอสิวแล้วค่ะ ใครไม่เป็นอาจจะไม่รู้ว่ามันทรมานนะ
คือเราแต่งงานแล้ว ไอ้เชื้อราเนี่ย ทำให้เรามีอะไรกับแฟนไม่ได้ มันจะเจ็บมาก
อาคารคันอีก ยิ่งเกา ยิ่งคัน ไม่เกาก็ไม่ได้ ก็มันคันนี่ 555

จากคุณ : แก้ว
เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 52 16:35:19 A:192.3.24.143 X:203.130.131.130 TicketID:235308








Thursday, September 3, 2009

โละ 5 พฤติกรรมบั่นทอนสุขภาพ

  1. ไม่สนอาหารมื้อเช้า
    "เช้าๆ กาแฟสักแก้ว แค่นี้ก็อยู่ท้อง" หากมื้อเช้าของคุณเป็นรูปแบบประมาณนี้ เปลี่ยนโดยด่วนค่ะ พึ่งอาหารสำเร็จรูปนานๆครั้งก็พอไหว แต่ถ้าทุกเช้าสารอาหารและพลังงานที่จำเป็นล่ะ หรือถ้าคิดรวบยอดกับมื้อเที่ยงก็โปรดอย่าลืมว่า อาหารเช้าเป็นมื้อที่ให้พลังงานเพื่อให้เราสู้งานไม่ถอย ไอเดียกระฉูด ถ้าตื่นเช้าอีกหน่อยหาเมนูง่ายๆจากร้านแถวออฟฟิศทาน อย่างนี้เวิร์คสุด ที่สำคัญมื้อเช้าไม่จำเป็นต้องเป็นข้าวเสมอไปหรอกค่ะ
  2. เครียด...เป็นนิจ
    แหม! คุณขา ชีวิตนี้ไม่มีใครเพอร์เฟกต์ไปซะทุกย่าง ขืนมัวคาดหวัง คิดเล็ก คิดน้อยไปซะทุกเรื่อง มันพานทำให้จิตใจท้อแท้ หดหู่ หมดแรงสู้ปัญหาที่คุณต้องเผชิญทั้งงานในบ้านและที่ทำงาน เครียดจนลืมกิน หรือยิ่งเครียดยิ่งกิน โรคอื่นๆก็เข้ามาก่อกวนสุขภาพคุณอีก ลองจัดลำดับความสำคัญก่อน-หลัง สื่อสารกับคนใกล้ตัวให้รับฟัง ช่วยกันคลี่คลายปัญหาอย่างน้อยๆ ก็ปลดล็อกชีวิตคุณให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น
  3. ชอบนอนหงาย
    จริงอยู่ว่าการนอนคือการพักผ่อนที่ดีที่สุด แต่บางทีก็ทำลายสุขภาพของคุณได้เหมือนกัน โดยเฉพาะคนที่ชอบนอนหงายเป็นประจำหรือชอบนอนคว่ำยิ่งไปกันใหญ่ ทำให้กระดูกสันหลังแอ่น นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้คุณรู้สึกปวดหลังทุกครั้งที่ลุกจากเตียง ทางที่ดีเวลานอนให้ใช้หมอนข้างหนุนใต้โคนขา ช่วยรักษาทรวดทรงกระดูก ถ้าเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงได้ก็จะดีที่สุดแต่ขาล่างควรเหยียดตรง ส่วนขาบนและสะโพกให้ก่ายหมอนข้างไว้
  4. ติดฟัง MP3 – iPod
    การฟังเพลงในโลกส่วนตัวด้วย MP3 หรือ iPod ติดต่อกันนานๆ เป็นกิจวัตรที่ไม่ดีต่อสุขภาพการฟัง ระดับเสียงของเครื่องเล่นเหล่านี้ จะดังกว่าระดับเสียงมาตรฐานที่พอเหมาะกับหู แถมยังตั้งระดับความดังไว้เกินกว่ามาตรฐานอีก อย่างนี้โรคหูตึงอาจมาเยือนง่ายๆแบบไม่ต้องรอแก่เลยแหละ
  5. สวยด้วยส้นสูง
    รองเท้าส้นสูงเป็นคู่ใจสำหรับสาวทำงานไปเสียแล้ว จนลืมใส่ใจเท้าในฐานะอวัยวะที่ถูกใช้งานหนักตลอดวัน ใส่รองเท้าส้นสูงเป็นนิจพึงระวังโรคข้ออักเสบมาเยือนยามแก่ตัว ปรับลดความสูงของส้นลงมาบ้างสลับเปลี่ยนส้นสูงบ้างเตี้ยบ้างก็ดีค่ะ
ที่มา : Health Alert Free Magazine SHE's Smart


8 ข้อ ป้องกันโรคนิ้วล็อก

โรคนิ้วล็อกจะเป็นกับคนที่มีการใช้งานมือมากเกินไป หรือใช้ผิดวิธี โดยเฉพาะผู้หญิงถึงร้อยละ 80 ที่หิ้วของหนักๆซ้ำๆ นิ้วที่พบปัญหาล็อกบ่อยที่สุดคือ นิ้วหัวแม่มือและนิ้วนาง อาชีพที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคนิ้วล็อกและต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือ แม่บ้านที่ต้องหิ้วของหนักๆ คนตัดสวน ตัดแต่งกิ่งไม้ ช่างไฟฟ้า หมอนวดแผนโบราณ พนักงานพิมพ์คอมพิวเตอร์ นักกีฬาแบดมินตัน นักกอล์ฟ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังพบได้ในคนที่มือเกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ และพบร่วมกับผู้ป่วยโรคข้ออักเสบชนิด
รูมาทอยด์ หรือผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสเป็นมากกว่าปกติ
โรคนิ้วล็อก มีสาเหตุชัดเจน และหากรู้จักระมัดระวังการใช้นิ้วอย่างถูกวิธีจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่ปลอกหุ้มเส้นเอ็นได้ ดังนี้
  1. ไม่หิ้วของหนัก เช่น ถุงพลาสติก ตะกร้า ถังน้ำ ถ้าจำเป็นต้องหิ้ว ควรใช้ผ้าขนหนูรองและหิ้วให้น้ำหนักตกที่ฝ่ามือ แทนที่จะให้น้ำหนักตกที่ข้อนิ้วมือ หรือใช้วิธีการอุ้มประคองช่วยลดการรับน้ำหนักที่นิ้วมือได้
  2. ไม่ควรบิด ซักผ้าด้วยมือเปล่า จำนวนมากๆ และซ้ำบ่อยๆ และไม่ควรบิดผ้าให้แห้งสนิท เพราะจะยึดปลอกหุ้มเอ็นจนคราก และเป็นจุดเริ่มต้นของโรคนิ้วล็อก
  3. นักกอล์ฟที่ต้องตีแรง ตีไกล ควรใส่ถุงมือ หรือใช้ผ้าสักหลาดหุ้มด้ามจับให้หนาและนุ่มขึ้น เพื่อลดแรงปะทะ และไม่ควรไดรกอล์ฟต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ
  4. เวลาทำงานที่ต้องอาศัยอุปกรณ์ช่าง ควรระวังการกำ บด เครื่องมือทุ่นแรง เช่น ไขควง เลื่อย ค้อน ฯลฯ ควรใส่ถุงมือหรือห่อหุ้มด้ามจับให้ใหญ่และนุ่มขึ้น
  5. ชาวสวนระวังเรื่องการตัดกิ่งไม้ด้วยกรรไกร หรืออื่นๆที่ใช้แรงมือ ครวใส่ถุงมือเพื่อลดการบาดเจ็บของปลอกเอ็นกับเส้นเอ็นและควรใช้สายยางรดน้ำต้นไม้แทนการหิ้วถังน้ำ
  6. คนที่ยกของหนักๆเป็นประจำ เช่นคนส่งน้ำขวด ถังแก๊ส แม่ครัวพ่อครัว ควรหลีกเลี่ยงการยกมือเปล่า ควรมีผ้ามารองจับขณะยก และใช้เครื่องทุ่นแรง เช่น รถเข็น รถลาก
  7. หากจำเป็นต้องทำงานที่ต้องใช้มือกำ หยิบ บีบ เครื่องมือเป็นเวลานานๆ ควรใช้เครื่องทุ่นแรง เช่น ใช้ผ้าห่อที่จับให้หนานุ่ม เช่น ใช้ผ้าห่อด้ามจับตะหลิวในอาชีพแม่ครัวพ่อครัว
  8. งานบางอย่างต้องใช้เวลาทำงานนานต่อเนื่อง ทำให้มือเมื่อยล้าหรือระบม ควรพักมือเป็นระยะๆ เช่นทำ 45 นาที ควรจะพักมือสัก 10นาที
    ถึงแม้โรคนิ้วล็อกจะเป็นโรคที่รักษาหายได้แต่ก็ควรกันไว้ก่อนย่อมดีกว่า
ที่มา : นิตยสารชีวจิต ปีที่ 8 ฉบับ 16 มิถุนายน 2549 presented by : ชานิดา แสงสุริย์


นิ้วล็อค

นิ้วล็อค เมื่อนิ้วของคุณกระดุ๊กกระดิ๊ก
ผมมักไม่ค่อยเรื่องโรคใดโรคหนึ่งหากแต่มักเขียนเป็นอาการ... แต่เรื่องนี้จัดเป็นข้อยกเว้น หนึ่งที่อาการที่นำผู้ป่วยมาเป็นอาการสากลจนกระทั่งกลายเป็นชื่อโรคไปเสียแล้ว

เจ้าโรคที่ว่านี้ เป็นโรคที่สร้างความรำคาญไปจนถึงสร้างความยุ่งยากในการดำเนินชีวิตประจำวัน อีกทั้งพบได้ง่ายขึ้นในปัจจุบันนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าจะรู้เอาไว้บ้างครับ

เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อสมัยผมยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปี 1 ตอนนั้นกำลังพยายามหัดเล่นกีต้าร์อยู่ ก็มีเพื่อนคนนึงที่เล่นกีต้าร์มาก่อนซื้อเครื่องบริหารนิ้วมาใช้เพื่อเสริมความแข็งแรงของนิ้ว โดยจะต้องกำอุปกรณ์ดังกล่าวในมือและทำการบีบเต็มแรงแล้วก็ปล่อย วันนั้นผมฝึกอยู่นานก่อนจะเข้านอน พอตื่นเช้ามาก็พบว่ามือซ้ายเกิดอาการพิกลๆกล่าวคือ เมื่อกำมือเข้ามันก็กำได้ปกติ แต่ไอ้เจ้าตอนที่จะเหยียดแบบมือออกเนี่ยสิ ปรากฎว่านิ้วนางกับนิ้วก้อยดันดึงเหยียดไม่ออกร่วมกับมีอาการปวด ต้องใช้อีกมือนึงช่วยดึงจึงจะออก แถมถ้ากำมือเข้าไปใหม่ก็จะเกิดลักษณะแบบเดิมอีกก็คือเหยียดไม่ได้
มือผมกระดุ๊กกระดิ๊กอยู่ 2-3 วันจะกำก็ไม่กล้า จะเหยียดก็เจ็บ ต้องอยู่นิ่งๆไม่ทำอะไรก่อนที่มันจะค่อยๆหายไปเอง
จริงๆเจ้านิ้วก้อยผมก็เป็นอยู่บ้างแล้วล่ะครับ คาดว่าเป็ฯมาตั้งแต่สมัยที่เรียนมัธยม ที่ต้องถือกระเป๋าหนังสือเรียนทุกวัน (หนักเฉลี่ยประมาณ 3 กิโลได้กระมังเพราะมันมีชีท สมุด หนังสือ)แล้วช่วงนั้นรถติดอย่างกับอะไรดี ผมก็ชอบเดินกลับบ้านใช้เวลาวันละครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงทุกๆวันจนหนังที่มือด้านแข็งเป็นจุดๆ
ปัจจุบันอาการพวกนี้ดีขึ้นมากและก็หายไป ... หายไปก่อนที่จะมาเรียนเจอทีหลังว่ามันเป็ฯอาการชื่อดังที่มีชื่อว่า"โรคนิ้วล๊อค"หรือ Trigger finger อันโด่งดังนั่นเอง

เกิดอะไรขึ้นในนิ้ว นิ้วถึงได้ล๊อค
การที่คนเรากำมือได้นั้นเกิดจากกล้ามเนื้อที่บริเวณท้องแขนหดตัว .... ใช่ครับกล้ามเนื้อที่ท้องแขน ไม่ใช่ที่มือ ไม่เชื่อลองกำมือซ้ายแล้วเอามือขวาจับที่ท้องแขนก็ได้ว่าแข็งขึ้นจริง
กล้ามเนื้อที่แขนพอหดเกร็งตัวก็จะดึงเส้นเอ็นที่โยงไปที่ปลายนิ้วให้งอเข้า ... ซึ่งเอ็นเหล่านี้จะร้อยลอดผ่านเอ็นขึงข้อนิ้ว (retinacular pulley)ที่อยู่ตามข้อมือและข้อนิ้วเป็นหลักการเดียวกับรอกของปั้นจั่น
ถ้าเอ็นมีสภาพปกติ มันก็จะเลื่อนไหลได้อย่างสะดวกโยธินทั้งขาเข้าและขาออก แต่ในโรคนิ้วล๊อคนี้ เอ็นที่ผิดปกติจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนทำให้เมื่อเอ็นที่ใช้งอนิ้วลอดผ่านเอ็นขึงข้อนิ้ว ก็จะเกิดการล๊อคไม่สามารถเหยียดกลับออกมาได้

สาเหตุ
สาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดคือการบาดเจ็บที่นิ้วครับ โดยคำว่าบาดเจ็บนี้มีตั้งแต่การกระทบกระแทกชัดเจน การติดเชื้อที่เอ็นไปจนถึงการใช้งานผิดวิธีเกินกำลังของนิ้วเป็นเวลานานๆ ก็จะส่งผลให้เกิดการอักเสบในเอ็นจนเกิดก้อนได้
สาเหตุที่พบได้อื่นๆนอกเหนือจากการใช้งานหนักหรือการบาดเจ็บทั่วไป ก็คือ โรคที่ก่อให้เกิดก้อนตามส่วนต่างๆ เช่นเบาหวาน เกาท์ รูมาตอยด์ เป็นต้น

การรักษา
หากคุณเป็นโรคนิ้วล๊อคแล้วไปรักษา การรักษาจะเป็นประมาณนี้ครับ
  • เมื่อพบว่าเป็นแน่ๆ แพทย์จะแนะนำให้คุณหยุดการใช้งานมือ จากนั้นก็มักจะจ่ายยาแก้ปวดและยาลดการอักเสบจำพวก NSAIDs มาให้กิน จากนั้นก็ให้สังเกตดูเอาเอง หรือนัดกลับมาดูอีกครั้งเพื่อประเมินว่าอาการดีขึ้นไหม
  • ถ้าไม่ดีขึ้น ทางต่อไปก็คือการฉีดยาสเตียรอยด์เข้าไปในช่องหุ้มเอ็น เพื่อลดการอักเสบของเอ็นและให้ก้อนดังกล่าวยุบตัวลง
  • หรือไม่เช่นนั้น ก็อาจจะมีการใส่เฝือกที่มือ เพื่อให้มืออยู่ในท่าที่ไม่เคลื่อนไหวระยะหนึ่ง เป็นการบังคับให้เอ็นได้พักและลดการอักเสบ
  • ถ้าทำทุกทางก็ไม่ได้ผล ก็จะทำการผ่าตัด ซึ่งในปัจจุบันมีสามแบบคือ แบบผ่าเปิดตรงๆ แบบผ่าส่องกล้อง และแบบที่สามที่เข้าใจว่าในเมืองไทยคงมีคนทำไม่กี่คน(แต่กลับเป็นที่รู้จักมากที่สุด)คือแบบใช้ปลายมีดจิ๋วสอดเข้าไป
คำถามเกี่ยวกับนิ้วล๊อคที่ถูกถามบ่อย
  • ยากินได้ผลจริงหรือ ?
    ตามที่ผมเขียนไปว่าโรคนี้ช่วงต้น แพทย์จะให้ยากลุ่มต้านการอักเสบ ... ซึ่งมีผู้รู้หลายคนบอกว่าการรักษาด้วยยานั้นไม่ได้ผลตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ... ซึ่งจริงๆก็เป็นอย่างนั้นคือถ้าเป็นโรคนิ้วล๊อคจริงๆชัดเจน การให้ยาพวกนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร
    แต่ในคนที่มีปัญหานิ้วล๊อคจนต้องไปพบแพทย์ หลายคนจะไปตั้งแต่เริ่มเป็นใหม่ๆหรือเป็นครั้งแรกๆ ซึ่งการล๊อคนั้นยังไม่มาก บางครั้งบางคราวการบาดเจ็บ ที่มือหรือการใช้งานหนักเพิ่งผ่านไปไม่นาน (ดังตัวอย่างเรื่องของผมเองข้างต้น) การให้ยาจะช่วยผู้ป่วยในกลุ่มนี้ได้ครับ
    ส่วนใครที่คลำได้ก้อน เป็นมาเป็นปีๆ ส่วนใหญ่มักโดนแนะนำให้ผ่าตั้งแต่แรกครับ

  • ทำไมเป็นนิ้วล๊อค แต่เจอหมอถามโน่นถามนี่ที่ไม่เกี่ยวกับนิ้ว แถมโดนเจาะเลือดตรวจหลายอย่าง
    เนื่องจากโรคนี้อาจจะมีสาเหตุมาจากการเป็นโรคอื่นๆเช่นเบาหวาน เกาท์ ซึ่งก่อให้เกิดก้อนหรือการอักเสบขึ้นตามเส้นเลือดในร่างกายได้ จึงไม่แปลกที่จะถูกถามประวัติที่เกี่ยวข้องหรือเจาะเลือดตรวจครับ

  • ได้ยินว่ามีวิธีการผ่าตัดแบบแผลเล็ก ผ่าใช้เวลาแค่10นาที ผ่าเสร็จกลับได้เลยไม่ต้องเข้าห้องผ่าตัด
    เป็นคำถามที่ถูกถามมากที่สุดสำหรับโรคนี้ เพราะในเมืองไทยมีแพทย์ที่สามารถผ่าตัดชนิดนี้ได้ และเคยประชาสัมพันธ์ออกสื่อหลายครั้ง
    การผ่าชนิดดังกล่าว คือการกรีดเปิดเข้าไปในช่องทางของเอ็นที่ลอดผ่านเอ็นยึดข้อ จากนั้นสอดมีดขนาดเล็กเข้าไปตามช่องดังกล่าวและทำการสะกิด ข้อดีของวิธีนี้คือ ผ่าเสร็จแล้วก็กลับบ้านได้ แผลเล็กนิดเดียว พักการใช้งานมือไม่กี่วันก็ทำงานได้ปกติ
    แต่การผ่าตัดนิ้วล๊อคแบบมาตรฐานในขณะนี้ ยังเป็นแบบเปิดผ่าในห้องผ่าตัดอยู่ครับ โดยจะทำการฉีดยาชาระงับความรู้สึกของแขน จากนั้นทำการผ่าเข้าไปโดยตรง ข้อด้อยของการผ่าแบบนี้คือ ผ่าแล้วอาจจะต้องนอนโรงพยาบาล(เพราะแขนชาทั้งข้าง) มีแผลใหญ่กว่า และต้องพักฟื้นใส่เฝือกที่มือเป็นสัปดาห์

    ฟังดูดีกว่า ... แต่ปัญหาคือการผ่าแบบแผลเล็กๆที่ว่านั้น มันเป็นวิธีที่ใช้สัมผัสจากมือเป็นหลัก เวลาตัดเอ็น ผู้ตัดจะมองไม่เห็นว่ากำลังตัดอะไรอยู่ (ต่างประเทศเรียกวิธีนี้ว่า Blind Method)... ความเสี่ยงที่จะไปตัดถูกส่วนที่ไม่ต้องการจะตัดนั้นก็มี(ของแถวๆนี้ ถ้าตัดขาดก็ต่อยาก) นับว่าเป็นการทำหัตถการการผ่าตัดที่ต้องใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูง นอกจากนี้เครื่องมือก็ไม่ได้มีแพร่หลาย ทำให้การผ่าตัดชนิดนี้ยังไม่เป็นที่นิยม(ของแพทย์)หรือสอนกันทั่วไป
    ในขณะการผ่าตัดแบบเปิดจะมองเห็นได้ดีกว่า เห็นได้ชัดกว่าว่ากำลังจะตัดอะไร โอกาสตัดผิดมีน้อยกว่ามาก ....
    ฟังแล้วอาจจะน่ากลัว แต่เวลามีคนไข้นิ้วล๊อคมาถามผมว่าผ่าแบบแผลเล็กผ่าที่ไหน ... ผมก็บอกไปทุกรายนะครับ (เพราะก็ยังไม่เคยได้ยินข่าวผิดปกติ และก็เป็นการผ่าตัดที่เมืองนอกเขาก็ทำกัน)
สรุปว่าใช้งานมืออย่างทะนุถนอมตั้งแต่ต้น จะเป็นการดีที่สุดครับ

-=By หมอแมว=-


9 วิธีหนีอ้วน

อยากผอมทำยังไงดีคะ? แน่นอนว่าถ้าสาวๆ ไม่เลือกอดอาหารยอมหิวจนตาลายก็ต้องโหมออกกำลังอย่างหนักเหลือทน แต่วันนี้เรามีทางเลือกให้คุณผอมหุ่นเพียวสวยด้วยวิธีง่ายๆ มาเสริฟถึงที่ค่ะ ที่สำคัญไม่ต้องอดอาหารและไม่จำเป็นต้องโหมออกกำลังกายค่ะ แค่เปลี่ยนพฤติกรรมแสนง่าย 9 อย่างเท่านั้นเองค่ะ
  1. นอนหลับให้เต็มอิ่ม
    จากการวิจัยของสถาบัน Howard Hughes Medical มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด พบว่ายิ่งคุณนอนน้อยเท่าใด ร่างกายของคุณก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งผลิตฮอร์โมน leptin ได้น้อยลงเท่านั้น ซึ่งนั่นก็จะมีผลต่อน้ำหนักตัว เนื่องจาก leptin จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นน้ำหนักให้ลดลงได้ถึง 2 ทาง คือ มันจะช่วยลดความอยากในการรับประทานได้ โดยการบอกสมองว่า "นี่! หยุดเคี้ยวซักทีเถอะ อิ่มจนท้องจะแตกอยู่แล้วนะ" และอีกด้านหนึ่งมันก็จะกระตุ้นให้คุณใช้พลังงานมากขึ้นซะอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นยังเห็นได้ชัดอีกว่าเมื่อเรานอนน้อยร่างกายก็จะไปต้านการลดลงของน้ำหนัก จากการที่ ghrelin ฮอร์โมนซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นความอยากอาหาร จะมีปริมาณสูงกว่าในบรรดาผู้ที่นอนไม่พอ (แต่ถ้าเกิดคุณนอนไม่พอในคืนหนึ่ง ลองพยายามงีบหลับให้ได้ในวันต่อมา เพราะฮอร์โมนจะไปทำให้คุณต้องปิดตาหลับภายใน 24 ชั่วโมงแน่นอน)
  2. ปิดวิทยุซะ
    คุณรู้มั้ยว่าเวลาตามร้านอาหารต่างๆ ถ้าเขาอยากจะให้ลูกค้าภายในร้านจัดการกับอาหารตรงหน้าให้เสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบออกจากร้านไปโดยเร็วนั้น ทางร้านก็จะเปิดเพลงจังหวะเร็ว (ประมาณ 120-130 จังหวะต่อนาที) ซึ่งหากมองอีกมุมหนึ่งถือว่าเป็นเหตุผลที่ดีนะคะ เพราะว่าจังหวะเพลงที่เร็วนี้จะทำให้คุณใส่ใจกับการรับประทานอาหารตรงหน้ามากขึ้นค่ะ
    ฉะนั้นก่อนมื้ออาหารถ้าอยากผอมจงเลือกเอาว่าจะปิดวิทยุของคุณซะ หรือจะบรรเลงใส่แผ่นเพลงเบาๆ ใส่เครื่องเสียงของคุณระหว่างทานอาหารมื้ออร่อย
  3. กินให้ครบทุกมื้อ
    ข้อนี้สำหรับสาวๆ ที่ชอบอดอาหารมื้อเช้าเพื่อความผอม เพราะเชื่อเถอะค่ะว่าไม่มีประโยชน์หรอก ซ้ำยังทำให้คุณอ้วนขึ้นอีกด้วย ซึ่งก็ไม่แปลกหรอกนะในเมื่อเช้าคุณไม่ได้ทานอะไรด้วยเหตุอยากผอม แต่กลายเป็นว่าตกกลางวันคุณกลับหิวไส้แทบขาด ฉะนั้นไม่ว่าอะไรที่คุณหยิบจับขึ้นมาได้ ก็ขนใส่ปากไปไม่บันยะบันยังซะหมด ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากเหตุผลหลายๆ อย่าง อาทิ เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลง คุณก็จะรู้สึกโหยหาอาหารอย่างแรง ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายค่ะ และด้วยกลไกทางด้านความรู้สึกนึกคิด เมื่อคุณไม่ได้ทานอาหารมื้อเช้า มื้อถัดมาคุณก็จะทานมากขึ้น เพราะคิดว่า "เอาเถอะน่าเมื่อเช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ชดเชยซะหน่อยแล้วกัน" ที่สำคัญร่างกายของคุณก็จะยิ่งคิดว่าตอนนี้คุณอยู่ในภาวะขาดอาหาร ฉะนั้นระบบเมตาโบลิซึมของคุณจะค่อยๆ ทำงานช้าลง นั่นแปลว่าการเผาผลาญพลังงานก็จะต่ำลงไปด้วย เข้าใจง่ายๆ ก็ "คราวนี้แหละคุณขา อ้วนแน่ๆ"
  4. อย่าเอะอะอะไรก็ใช้รถๆ หัดเดินซะบ้าง
    อย่าปฏิเสธว่าข้อนี้ไม่จริงเลย เพราะการใช้รถในแต่ละวันจะเป็นการเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้ถึง 6% ต่อชั่วโมง แต่ในทางกลับกันทุกๆ ไมล์ในการเดินของคุณในแต่ละวันจะกลับเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้ถึง 8 % แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ ง่ายๆ ค่ะ เวลาคุณคุยโทรศัพท์เม้าส์กับเพื่อนสาวเรื่องยัยเพื่อนร่วมงานตัวแสบเนี่ยช่วยได้นะ แค่คุยไปคุยมาแล้วเดินวนรอบห้องเผลอแป๊ปเดียวก็เดินเป็นกิโลๆ
    แล้วล่ะยิ่งถ้าเราจะขว้างแคลอรี่ไปไกลๆ จากเราจริงๆ ล่ะก็ เวลาดูทีวีพอถึงช่วงเบรคโฆษณาก็ลุกขึ้นย้ายตัวเองไปรอบๆ บ้าง หรือไม่ก็ลองขึ้นๆ ลงๆ บันไดบ้านนี่ล่ะดู ผลัดกับการเดินเร็วๆ จากห้องหนึ่งไปยังห้องหนึ่งในบ้านดูสิ หรือเด็ดสุดก็อีตอนช้อปปิ้งนี่แหละ เซย์โนลิฟท์และบันไดเลื่อนสิคะ รับรองผอมค่ะ
  5. แค่โดนแดดบ้างก็ผอมแล้ว
    อย่างงค่ะ คุณคงไม่รู้มาก่อนว่าแสงแดดทำให้ผอมได้ เพราะร่างกายของเราต้องการแสงแดดเหมือนกัน เพื่อไปผลิตฮอร์โมน serotonin ซึ่งมีส่วนในการไปช่วยลดความอยากน้ำตาลและอาหารอย่างอื่นด้วย ดังนั้นเมื่อคุณเริ่มที่จะอยากทานพวกขนุกขนมก็เดินอ อกไปรับแดดแทนแล้วกัน อืม...แล้วแม้แต่ช่วงอากาศเย็นๆ ก็เถอะหากเปิดผ้าม่าน บานเกล็ด ระหว่างวันซะบ้างก็ยังดีนะ (แต่อย่าอยากขนมมากทั้งวันนะ ไม่งั้นคงต้องไปตากแดดจนมะเร็งผิวหนังถามหาแน่ๆ )
  6. อย่าเก็บคุ๊กกี้หรืออาหารอย่างอื่นไว้ในโถแก้ว
    เพราะถ้าคุณเก็บอาหารไว้ในที่ๆ ไกลสายตาหน่อย มันก็ง่ายที่จะป้องกันไม่ให้ของอ้วนๆ มาเย้ายวนเรา ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยคอร์แนลได้แนะว่าสาวๆ จะกินของหวานได้มากขึ้นเมื่อเห็นมันจัดวางอยู่บนโต๊ะเด่นชัดสวยงาม ดังนั้นมาลองเก็บของหวานทั้งหลายไว้ในภาชนะทึบแสงหรือไปวางไว้ไกลๆ ตาไกลๆ จมูกจะดีกว่านะคะ
  7. วางส้อมลงทุกครั้งที่เคี้ยว
    ช่วงเวลา 20 นาที เป็นเวลาที่กระเพาะอาหารจะส่งสัญญาณไปบอกสมองว่าอิ่มแล้ว ดังนั้นเมื่อคุณทานอาหารเร็วเกินไป ร่างกายของคุณก็จะไม่มีเวลาพอที่จะรับรู้ได้ว่าถึงเวลาที่ควรอิ่ม ผลที่ตามมาก็คือคุณทานมากไป การทานช้าลงเท่านั้นค่ะที่ช่วยได้ คุณอาจจะใช้ตะเกียบมาเป็นตัวช่วยในการทานอาหารก็ได้ จะทำให้คุณทานอาหารได้ช้าลง (ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะมัวแต่สาละวนอยู่กับการใช้ตะเกียบให้ถนัดมือ) หรือลองอีกวิธีที่จะทำให้คุณรับรู้ได้ถึงรสอร่อยของอาหารมากขึ้น โดยเคี้ยวแต่ละคำให้ได้เวลาราว 30 วินาที แค่นี้คุณก็จะเห็นได้เลยว่าการทานอาหารช้าๆ ทำให้รับรู้ถึงรสชาติอาหารดีขึ้นและผอมค่ะ
  8. เปิดไฟทานอาหาร
    ในห้องที่มืดสลัว จะทำให้คุณทานได้มากขึ้น ทำไมน่ะเหรอ คำตอบอยู่ที่ทฤษฎีหนึ่งที่กล่าวไว้ว่าแสงไฟมืดสลัว จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลินกับการรับประทานมากขึ้น ในทางกลับกันมีการวิจัยว่าเมื่อคุณทานอาหารในห้องที่สว่าง ก็ดูเหมือนว่าคุณจะทานอาหารได้ลดลง
  9. แค่โกรธก็อ้วนแล้ว
    ถ้าคุณไม่รู้จักระงับอารมณ์คุณก็มีสิทธิ์อ้วนได้ ยังไงน่ะเหรอ ก็เวลาที่คุณเกิดอารมณ์โกรธขึ้นมา ระดับของฮอร์โมน cortisol ในร่างกายก็จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ จากผลงานวิจัยพบว่าเมื่อคนเราโกรธ และหากยิ่งโกรธถี่ขึ้นเท่าไหร่ นั่นก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการเพิ่มน้ำหนักและรอบเอวหนาๆ ในทางอ้อม (แถมยังเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อปัญหาของระบบหัวใจอีกต่างหาก) ดังนั้นคราวหน้าถ้าใครมายั่วอารมณ์ คุณ ก็นับ 1-10 สูดหายใจลึกๆ ตั้งสติดีๆ แค่นั้นเอง นึกซะว่าเพื่อผอมๆๆๆ หรือใช้นิ้วโป้งนวดคลึงเบาๆ บริเวณขมับเพื่อการผ่อนคลายก็ได้ค่ะ
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today


ผู้หญิงเซ็กส์เสื่อม

ผู้หญิงเซ็กส์เสื่อม (Slim Up)

อกอีแป้นจะแตกแล้วค่ะคุณขา เมื่อดิฉันได้ทราบข่าวร้ายมาว่า นับวันคุณสาวๆ จะมีโอกาสเกิด "เซ็กส์เสื่อม" ได้ เช่นเดียวกับบรรดาคุณหนุ่มๆ มะเขือเผาทั้งหลาย ที่สำคัญโรคนี้มีทีท่าว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เสียด้วยสิ เพราะฉะนั้นก่อนที่คุณจะกลายเป็น "ท่อนซุง" นอนทื่อไร้ความรู้สึกอยู่บนเตียง มาทำความรู้จักและหาทางป้องกันกันเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่าค่ะ

"โรคเซ็กส์เสื่อม" หรือ โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ นั้น ทางการแพทย์เรียกว่า Erectile Dysfunction หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า ED ซึ่งไม่ได้เกิดเฉพาะในผู้ชายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ผู้หญิงที่ยังไม่ถึงวัยทองจำนวนไม่น้อยก็มีโอกาสเป็นได้เช่นกัน โดยโรคเซ็กส์เสื่อมในผู้หญิงนั้นมีสาเหตุสำคัญมาจาก "จิตใจ" โดยเฉพาะความเครียด และความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน เพราะไหนจะต้องทำงานบ้าน ไหนจะต้องทำงานนอกบ้าน ไหนจะเครียดเรื่องเงินทองไม่พอใช้ เรียกได้ว่ากว่าหัวจะถึงหมอนก็เหนื่อยกายเหนื่อยใจจนพาลให้หมดอารมณ์บรรเจิด ไปซะก่อนแล้วล่ะค่ะ

ส่วนสาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลยก็คือ บรรดา "คุณผู้ชาย" ทั้งหลายนี่แหละค่ะ เพราะถ้าบังเอิญคุณได้ผู้ชายที่มีคุณสมบัติยอดแย่ไปครอบครอง ก็อาจทำให้เซ็กส์ของคุณเสื่อมได้เช่นกัน คุณสมบัติที่ว่านี้ก็เช่น เขามักจะมีเซ็กส์แบบเห็นแก่ตัว (ตามสไตล์ของผู้ชายส่วนใหญ่) คือ มักจะชิงรุกและถึงจุดสุดยอดก่อนเสมอ โดยทิ้งให้คุณนอนอารมณ์ค้างเติ่งอยู่เพียงผู้เดียว หรือบังคับให้คุณมีเซ็กส์ทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อมอยู่บ่อยๆ จนทำให้คุณรู้สึกว่าการมีเซ็กส์เป็นเรื่องฝืนความรู้สึก หรือในทางกลับกัน ถ้าเขาเป็นคนบ้างานจนไม่มีเวลาทำการบ้านกับคุณอยู่บ่อยๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดากว่าจะเริ่มต้นกุ๊กกิ๊กกันใหม่ ก็กลายเป็นว่าคุณ "กามตายด้าน" ไปซะแล้ว

ที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นว่า สาเหตุที่ทำให้คุณสาวๆ ทั้งหลายป่วยเป็นโรคเซ็กส์เสื่อม ล้วนเกิดจากภาวะทางอารมณ์และความรู้สึกมากกว่าภาวะทางร่างกาย ซึ่งแตกต่างจากโรคเซ็กส์เสื่อมในผู้ชายที่เกิดจากสรีระ คือ อวัยวะเพศที่เสื่อมและใช้งานไม่ได้ เมื่อมีความต้องการทางเพศก็จะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ (หรือที่เรียกว่า "นกเขาไม่ขัน" นั่นแหละค่ะ) แต่ถึงอย่างไร ผลที่ตามมาก็ร้ายแรงไม่ต่างกัน เพราะไม่ว่าโรคเซ็กส์เสื่อมจะเกิดกับผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็ทำให้เสียสุขภาพจิตด้วยกันทั้งนั้น

รู้ถึงสาเหตุสำคัญของโรคแล้ว คราวนี้มาดูกันดีกว่าค่ะว่าคุณเข้าข่ายเป็นผู้หญิงเซ็กส์เสื่อมหรือเปล่า โดยเริ่มจากลำดับอาการเบื้องต้นคือ คุณจะไม่เกิดความรู้สึกอยากที่จะมีเซ็กส์กับคนรักแต่อย่างใด หรือถ้าจำเป็นต้องมีเซ็กส์ คุณก็จะไม่รู้สึกมีความสุข หรือไม่มีการตอบสนองต่อคนรักแต่อย่างใด เรียกง่ายๆ ว่านอนเป็นท่อนไม้หายใจได้อย่างไรอย่างนั้น ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงเซ็กส์เสื่อมบางคนอาจมีอาการต่อต้านเซ็กส์ร้ายแรงถึงขั้นเกร็งกล้าม เนื้อช่องคลอด จนไม่สามารถมีเซ็กส์ได้เลย

หากผู้หญิงคนไหนสำรวจตัวเองแล้วพบว่าเริ่มมีอาการดังกล่าว พึงระลึกได้เลยค่ะว่า โรคเซ็กส์เสื่อมกำลังถามหา ซึ่งถ้าคุณยังเป็นสาวโสดอยู่ก็คงไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แต่ถ้าหากมีครอบครัวแล้ว อาจจะส่งผลกระทบถึงสัมพันธภาพระหว่างคุณกับคนรักก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นรีบหาทางออกกันดีกว่าค่ะ

การรักษาโรคเซ็กส์เสื่อมในผู้หญิงที่ดีที่สุดต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างคุณและคนรักเป็นสำคัญ โดยต้องเริ่มจากตัวคุณก่อนใครเพื่อน นั่นคือ เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหมดอารมณ์ทางเพศ หรือมีความต้องการทางเพศลดลงให้รีบจัดระเบียบชีวิตในแต่ละวันเสียใหม่ โดยพยายามพักผ่อนให้เพียงพอ เข้านอนแต่หัวค่ำ ทำอารมณ์ให้แจ่มใส ที่สำคัญต้องหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด จะทำให้เลือดคั่งค้างส่วนนั้นของคุณได้ดีขึ้น เวลามีอะไรมาปลุกเร้าอารมณ์ คุณจะได้รู้สึกตอบสนองดีขึ้น นอกจากนี้ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะแร่ธาตุจำพวกสังกะสี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนที่จะไปปลุก อารมณ์ทางเพศของคุณให้กลับมาซู่ซ่าอีกครั้ง

อีกวิธีหนึ่งที่สามารถแก้ไขเซ็กส์เสื่อของคุณได้คือการเสริม และการสร้างอารมณ์รักให้บรรเจิดเหมือนแรกรัก ซึ่งคุณกับคนรักต้องมาพูดคุยตกลงกันก่อนว่า ชอบแบบไหนไม่ชอบแบบไหน หรือมีอะไรบ้างที่จะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศให้กลับมาอีกครั้ง เช่น การลูบไล้ เทคนิคการจูบ เสียงเพลงแสงเทียน หรือแม้แม้แต่การปฏิบัติกิจในสถานที่แปลกใหม่ ซึ่งถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง หรือดูน่าเกลียดจนเกินไป ก็น่าลองทำดูนะคะ เพราะอย่างน้อยๆ มันจะช่วยสร้างบทอัศจรรย์ใหม่ๆ ให้คุณไม่ตายซากไปเฉยๆ แต่ถ้าใช้วิธีการดังกล่าวไม่ได้ผลแนะนำไห้เดินหน้าพบจิตแพทย์ได้เลยค่ะ อย่าอายเด็ดขาด เพราะถ้ามัวแต่อาย อาจเฉาตายไม่รู้ด้วยนะคะ

ที่มา FW Mail


Monday, August 31, 2009

14 อารมณ์ที่ทำให้สาวสาวอยากมี SEX

ความต้องการทางเพศ เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน ส่วนใหญ่ผู้ชายจะเป็นผู้ที่แสดงออกถึงความต้องการเรื่องเพศมากกว่าผู้หญิง แต่เราจะไม่ค่อยทราบเลยว่า ผู้หญิงนั้นก็มีความต้องการทางเพศไม่ต่างจากผู้ชายเลย แต่คุณทราบไหมค่ะว่าอารมณ์แบบไหนบ้าง ที่ผู้หญิงนั้นต้องการเซ็กซ์...
  1. เมื่อมีความสุข
    ไม่ว่าจากความสำเร็จในหน้าที่การงาน จนไปถึงการได้รับสิ่งของต่างๆ ในวันพิเศษ หรือเทศกาลต่างๆ คุณผู้หญิงจะมีอารมณ์ทางเพศมากขึ้นทันที
  2. เมื่ออยู่ในบรรยากาศดีๆ
    ถ้าบ้านมีเสียงโครมคราม เสียงร้องไห้ทะเลาะกันของลูกหลาน อารมณ์ทางเพศของคุณผู้หญิงจะพลอยหดหาย วาระที่สำคัญ เช่น วันวาเลนไทน์ วันขึ้นปีใหม่ วันลอยกระทง ฯลฯ ในบรรยากาศที่โรแมนติก จะช่วยสร้างอารมณ์อย่างว่าได้เป็นอย่างดี
  3. หลังจากทะเลาะกัน
    โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายผิด เธอมักจะง้อด้วยเรื่องเซ็กซ์
  4. เมื่อรู้ว่ามีคู่แข่ง
    หากคุณผู้ชายมีใครมาทำท่าอี๋อ๋อ ฝ่ายหญิงมักจะเตือนว่า คุณมีฉันอยู่แล้วด้วยเซ็กซ์ แต่อย่าอี๋อ๋อมากเกินไป เพราะแทนที่จะเพิ่มเซ็กซ์ ฝ่ายชายอาจจะต้องถึงกับหัวร้างข้างแตกได้
  5. เมื่อได้ดื่ม
    เชื่อว่าไวน์หรือแอลกอฮอล์เล็กๆ น้อยๆ เพิ่มความต้องการทางเพศทั้งหญิงและชาย ส่วนถ้ามอมจนเมานั้น จะลดความต้องการทางเพศ
  6. เมื่อได้เห็นพระเอกที่เธอชอบ
    ขณะที่ผู้ชายดูหนังโป๊จึงจะเกิดอารมณ์ แต่ผู้หญิงนั้นแค่เห็นหน้าติ๊ก หรือบีม หรือฉัตรชัย หรือพระเอกที่เธอชอบก็สามารถเพิ่มความต้องการทางเพศได้
  7. วันที่ 10-14 ของรอบประจำเดือน
    ช่วงนี้เป็นช่วงไข่ตกของคุณผู้หญิง ธรรมชาติทำให้เกิดความต้องการทางเพศมากในช่วงนี้
  8. เมื่ออ้อนด้วยคำหวานๆ
    พูดจาหรือเขียนการ์ดด้วยคำไพเราะแสดงให้รู้ว่ารักเธอมากเพียงใด มักจะสร้างอารมณ์ได้
  9. เมื่ออยู่ห่างกันคนละทิศ
    นานๆ เจอกันครั้ง เป็นสิ่งที่เร้าอารมณ์ทางเพศของเธอให้เกิดขึ้น
  10. เมื่อได้พักผ่อนเพียงพอ
    คุณผู้หญิงที่หัวยุ่งทั้งวันทั้งคืน จะหวังให้มีอารมณ์นั้นยากนัก
  11. เมื่อว่างเว้นจากกิจกรรมเพศไปนานๆ
    ของอะไรกินมากไปก็แน่นท้อง ต้องกินพอเหมาะไม่ถี่หรือบ่อยมากเกินไป
  12. เมื่อเปลี่ยนรูปแบบการมีเซ็กซ์
    ของอะไรกินแบบเดิมก็ซ้ำซากจำเจ เปลี่ยนแบบ เปลี่ยนท่า เปลี่ยนสถานที่บ้าง
  13. เมื่อกำลังมีความคิดสร้างสรรค์
    ไม่น่าเชื่อว่าคุณผู้หญิงบางท่านนั้น จะมีอารมณ์อย่างว่าเป็นอย่างมากเมื่อกำลังมีความคิดสร้างสรรค์งานอดิเรก ภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง นางเอกมีงานอดิเรกในการปั้น ขณะกำลังปั้นแจกันพระเอกก็มาช่วยและมีเซ็กซ์กัน แต่เรื่องนี้ก็ต้องดูคู่ของเราให้ดี บางคนกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำงานอดิเรกด้วยความคิดอันบรรเจิด ขืนพรวดพราดเข้าไป อาจจะถูกถีบออกมาไม่ทันก็เป็นไปได้
  14. เมื่อมีความเครียด
    เมื่อคุณผู้หญิงมีความเครียด คุณผู้ชายอาจจะช่วยได้โดยการนวดผ่อนคลายความเครียดให้ และเรื่องทั้งหมดก็มักจะลงเอยด้วย..
ที่มา FW Mail


Sunday, August 30, 2009

10 คำถามเรื่องเซ็กซ์ที่ผู้หญิงไม่กล้าถามใคร

  1. คนอื่นๆเขามีเซ็กส์กันบ่อยกว่าที่ฉันมีอยู่หรือเปล่า?
    เชื่อได้ว่า ทุกคนมักตั้งคำถามแบบนี้กับตัวเอง เพราะคิดว่ากิจกรรมเซ็กส์ที่ทำนี่มันน้อยหรือมากไปไหม ก็จากความอยากรู้ ว่าตัวเองสูงหรือต่ำกว่าระดับมาตรฐานนั่นแหละ แต่เรื่องสำคัญก็คือ เราจะเอา "มาตรฐาน" จากตรงไหน กุญแจสำคัญที่จะต้องถามก็คือ ไม่เกี่ยวว่าทำบ่อยแค่ไหน แต่มีความสุขทุกครั้งหรือเปล่า เพราะเรื่องแบบนี้ปริมาณไม่สำคัญเท่ากับคุณภาพหรอกนะคะ ควรตรวจสอบว่า สัมพันธภาพของคุณกับคู่รักยังดีอยู่หรือเปล่า
  2. ทำไมตอนกลางคืน หลังถึงจุดสุดยอดแล้วฉันจะต้องร้องไห้ออกมาด้วย?
    การถึงจุดสุดยอดทำให้เกิดปฎิกิริยาเคมีกับอารมณ์และร่างกายได้หลายอย่าง บางคนส่งเสียงครวญคราง บางคนก็กรีดร้องออกมา ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมันเป็นสภาวะแห่งการรู้สึกปลดปล่อยทั้งร่างกายและอารมณ์อย่างแท้จริง เป็นวิธีระบายความเครียดนั่นเองค่ะ และยังหมายถึงว่าเซ็กส์ของคุณไม่น่าเบื่ออีกด้วย
  3. คนอื่นๆเขาใช้เวลานานเท่าไหร่ในแต่ละครั้ง?
    การหลั่งของผู้ชายที่อยู่ในระหว่าง 5 - 15 นาทีของเวลาการมีเพศสัมพันธ์นั้นเป็นเรื่องปกติ การใช้เวลาจะอยู่กับการเล้าโลมเป็นส่วนใหญ่ คุณต้องบอกเขาเองค่ะว่าต้องการให้ใช้เวลาในการเล้าโลมนี้สักเท่าไร หากเขาหลั่งเร็วภายใน 5 นาทีของการมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรแนะนำหรือทำให้เขาเครียดเรื่องเซ็กส์น้อยลงกว่าที่เป็นอยู่ ลองใช้ท่าการเคลื่อนไหวอื่นๆที่ไม่ทำให้เกิดความกดดัน กับบริเวณส่วนปลายของอวัยวะเพศของเขามากเกินไป แต่ผู้ชายที่อายุน้อยและไม่มีประสบการณ์เรื่องเพศมากนัก ก็มีแนวโน้มการหลั่งเร็วกว่าปกติ เนื่องจากตื่นเต้นสูงกว่า จนมีคนบอกว่า สำหรับเรื่องเซ็กส์ของผู้ชายแล้ว ก็เหมือนกับไวน์ ที่ต้องเลือกอายุมากๆเข้าไว้จะนุ่มนวลและดีกว่า
  4. ขนาดคลิตอริสของฉันมีผลกับความสามารถไปถึงจุดสุดยอดหรือไม่?
    ไม่ว่าจะเป็นขนาดของอวัยวะเพศผู้ชาย หรือคลิตอริสของผู้หญิง ก็ไม่มีผลทำให้จิตใจกับความรู้สึก เรื่องเซ็กส์มีการเปลี่ยนแปลงแต่อยางใด ในเรื่องความตื่นเต้นของจุดสุดยอด คลิตอริสของคุณก็ยังทำงานเป็นปกติเมื่อถูกปลุกเร้า และอวัยวะเพศชายก็มีความรู้สึกแบบนั้น แม้การกระตุ้นที่คลิตอริส จะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้หญิงไปถึงจุดสุดยอด แต่สภาวะการถึงจุดสุดยอดอย่างสมบูรณ์ของผู้หญิงนั้น จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออวัยวะ 3 ส่วน ได้แก่ มดลูก ช่องคลอดและกล้ามเนื้อบริเวณเชิงกราน มีการบีบรัดตัวเป็นจังหวะเท่านั้น ดังนั้น จึงไม่ควรกังวลเกี่ยวกับขนาดของคลิตอริสของคุณให้มากเกินไป
  5. ในขณะที่มีเซ็กส์อยู่กับคู่ของเรา มันผิดปกติไหมถ้าเราจะนึกถึงผู้ชายอีกคนที่เราไม่ได้กำลงนอนอยู่ด้วย?
    เรื่องนี้ก็ตัดสินลงไปไม่ได้ทีเดียวว่ามันถูกหรือผิดปกติ แต่ถ้าทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร เพราะมันอยู่ในใจเราเอง ที่สำคัญอย่าหลุดปากออกมาก็แล้วกัน จริงๆแล้ว บางคนบอกว่าแบบนี้ทำให้เราตื่นเต้นดีมากขึ้นด้วยซ้ำ เพราะการจินตนาการแบบนี้ ไม่ได้แปลว่าคุณกำลังเบื่อคู่รักหรือป่วยทางจิต แต่มันอาจแปลว่า คุณกำลังรู้สึกจำเจกับกิจวัตรบนเตียงแบบเดิมๆ
  6. อัณฑะของผู้ชายเป็นจุดที่ควรทำอย่างไรในการเล้าโลม
    จุดนี้อาจเรียกว่าเป็นการสำรวจที่พื้นที่ก่อนปฎิบัติจริงก็ได้นะ เพราะแพทย์ระบุว่า มีเส้นประสาทจำนวนนับร้อยๆเส้นที่จุดนี้ ช่วยให้ความรู้สึกของเขาตื่นตัวได้ดีขึ้น เพียงแต่ต้องทำอย่างนุ่มนวลเท่านั้น มันอาจจะช่วยผู้หญิงได้มาก หากจะบอกว่าจุดนี้ของผู้ชายก็เหมือนกับอวัยวะที่เรียกว่าแคมนอกหรือแคมในของผู้หญิง ให้สัมผัสที่จุดนี้เบาๆและนุ่มนวล เป็นการเริ่มเล้าโลมเขาก่อน และลองดูเองว่าปฎิกิริยาสนองตอบเป็นอย่างไร แต่โดยมากผู้ชายจะชอบ แต่ต้องไม่ลืมว่าต้องเล่นกับมันอย่างทะนุถนอมและอ่อนโยนมากๆ ห้ามบีบ กัดหรือทำรุนแรงเป็นอันขาด
  7. การแว๊กซ์ขนที่อวัยวะเพศหญิง จะช่วยเพิ่มความพอใจให้เขาไหม
    เรื่องนี้มีความเห็นที่แตกต่างกันไปในแต่ละคนและแต่ละคู่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทุกคนบอกตรงกันก็คือ หากทำแล้วเพิ่มความพอใจให้กับคู่ของตนก็พร้อมที่จะทำ และมีเรื่องสำคัญอีกอย่างคือ ผู้ชายส่วนมากมักอยากทำออรัลเซ็กส์ให้คนรักมากขึ้นหลังผู้หญิงทำการแว๊กซ์มาแล้ว แต่มีผู้ชายอีกพวกที่บอกว่ามันดูแปลกๆไป หากจะทำเพื่อเซอร์ไพรส์เขา ก็จงอย่าเอาออกจนหมดในครั้งแรก
  8. ของสามีฉันจะเล็กกว่าผู้ชายคนอื่นๆหรือเปล่า?
    ยากมากที่จะบอกขนาดที่เหมาะสมว่าควรเป็นเท่าไหร่ จากการวิจัยเรื่องขนาดและพฤติกรรมนี้ของมหาวิทยาลัยเวสเทอร์น ออนตาริโอพบว่า ขนาดความยาวเฉลี่ยของผู้ชายเอเชียเมื่อขยายตัวจะอยู่ที่ 10 - 14 ซม. และมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 ซม. ซึ่งเป็นขนาดที่เล็กกว่าชาวอาฟริกัน และจากงานวิจัยเดียวกันก็ระบุว่าผู้หญิงเอเชียส่วนใหญ่ ก็มีช่องคลอดที่เล็กกว่าจะเหมาะสมกับขนาดที่ระบุนี้ เมื่อมีการเล้าโลมเกิดขึ้น ช่องคลอดของผู้หญิงก็จะบวมตัวด้วยเลือดที่มาคั่งเมื่อถูกกระตุ้นให้ตื่นตัวเรื่องเพศ ทำให้ขนาดที่บอกไว้นั้นลดลงอีกประมาณ 30%
  9. ทำไมบางครั้งถึงมีเสียงลมระหว่างมีเซ็กส์
    เสียงลมนั้นเกิดจากการอัดของอากาศเมื่อเวลาที่มีการดันของอวัยวะเข้าสู่ช่องคลอดในระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์และทำให้เกิดเสียงไม่พึงประสงค์ขึ้น ผู้หญิงจะรู้สึกอายโดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นครั้งแรก แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า เสียงนั้นเป็นเครื่องหมายแสดงว่า ทั้งคู่กำลังมีความสุขกับเซ็กส์ที่เกิดขึ้น เพราะแพทย์บอกว่า "สิ่งนี้ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้หญิงมีน้ำหล่อลื่นออกมามากเพียงพอเท่านั้น"
  10. ทำไมเมื่อถูกเล้าโลมแล้วส่วนนั้นยังคงแห้งอยู่
    ปัญหานี้มักเกิดขึ้นในผู้หญิงที่วัยใกล้หมดรอบเดือน เนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดน้อยลง ทำให้ร่างกายผลิตน้ำหล่อลื่นออกมาน้อยกว่าที่เคยเป็น ซึ่งแก้ได้ง่ายๆจากการให้ฮอร์โมนทนดแทนโดยแพทย์ หรือใช้เจลหล่อลื่นที่มีส่วนผสมหลักเป็นน้ำ ก็จะแก้ปัญหาได้ดี แต่หากเกิดกับผู้หญิงอายุน้อยๆ อาจเป็นเพราะได้รับการเล้าโลมไม่เพียงพอ ความเครียดหรือความวิตกกังวลในขณะที่มีเซ็กส์ ทำให้ร่างกายต่อต้าน วิธีแก้ไขก็คือร่วมมือกัน บอกคู่รักให้เข้าใจและเล้าโลมนานกว่านี้ โดยปกติ ระยะเวลาการเล้าโลมที่เหมาะสมควรอยู่ประมาณระหว่าง 15 นาทีขึ้นไป ผู้หญิงจึงจะมีอารมณ์ร่วม แต่หากไม่ดีขึ้นอาจจะต้องไปพบแพทย์เพราะอาจเป็นเรื่องของการติดเชื้อราบางชนิดทำให้ช่องคลอดแห้งกว่าปกติ หรือการบริโภคยาบางอย่างตามแพทย์สั่งอยู่และทำให้ช่องคลอดแห้งเกินไปจากผลข้างเคียงของยา


Sunday, August 23, 2009

เลิกบุหรี่ ภายใน 7 วัน ด้วย 13 เคล็ดลับ

"ไม่ ใช่ไม่รู้ แต่เพราะบุหรี่เป็นภัยผ่อนส่งที่ใช้เวลานานกว่าจะได้รับดอกเบี้ยโรคภัยแบบทบ ต้นทบดอก ดังนั้นหลายคนจึงขอทำเป็นลืมๆ ในระหว่างที่พ่นควันผุยๆ บางคนอยากเลิก แต่ใจละลายง่ายก็เลยยังต้องซื้อต้องแชะๆ แบบมวนต่อมวนกันต่อไป ที่จริงการหยุดสูบไม่ได้ยาก และไม่ ต้องใช้เวลานาน แค่อาศัยความตั้งมั่น และการรู้จักธรรมชาติของตัวเอง และตัวยา เลิกใน 7 วัน ทำได้ง่ายกว่าที่คิด และนี่คือ 13 วิธีที่แค่อ่านแล้ว ฉุกคิด มลพิษก็ถูกถอดรหัสทันที"
  1. การเลิกโดยเด็ดขาดทันทีทันใดให้ผลชะงัดกว่าการลดปริมาณ ทนทรมานได้สำเร็จใน 2-3 วัน ยังดีกว่าทรมานอย่างช้าๆ และช่วงเวลา 3 วันแรก เป็นช่วงที่ลำบากใจที่สุด หลังจากผ่านไปได้โอกาสเลิกบุหรี่จะเป็นไปได้สูงมาก
  2. เซตวันสุดท้ายของการเลิกบุหรี่ พยายามหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่คุณมีภาระต้องรับผิดชอบ เช่น ช่วงสอบ ช่วงที่ต้องไปงานเลี้ยงหรืองานสังคม เพราะอาจมีแรงจูงใจทำให้ไม่สามารถเลิกได้ตามที่ตั้งใจไว้
  3. สร้างพิธีกรรมเล็กๆ สำหรับวันส่งท้าย ด้วยการนำบุหรี่ที่เหลือ และซองบุหรี่มาเผาไฟต่อหน้าต่อตา พร้อมกับกระดาษที่จดข้อความของโทษการสูบบุหรี่สำหรับวันแรกของการเลิก เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา อาจหายใจให้เต็มปอดสัก สิบครั้งช้าๆ ลึกๆ และปล่อยใจ ให้จินตนาการรู้สึกดีกับมวลอากาศบริสุทธิ์
  4. ออกกำลังเบาๆ อย่างน้อยสามสิบถึงสี่สิบนาที เช่น ว่ายน้ำ, เดินเล่น หรือปั่นจักรยานวันละสองรอบเพื่อกระตุ้นร่างกายให้แข็งแรงและซ่อมแซมส่วนที่ เสียหายจากภัยบุหรี่
  5. หายใจลึกๆ ช้าๆ ติดต่อกัน ต่อเนื่องกันห้านาทีทุกวัน ด้วยการหลับตา สูดลมเข้าช้าๆ ด้วยจมูกจนเต็มปอด แล้วปล่อยออกช้าๆ ทางลมปากจนหมด ระหว่างทำ ให้สร้างความรู้สึก ดีไปด้วย จินตนาการถึงความรู้สึกที่แตกต่างของการไม่มีควันบุหรี่ในชีวิต คุณอาจยังไม่รู้สึกนัก แต่ควรสร้างอุปทาน เช่น รู้สึกว่าเหนื่อยน้อยลงหรือ ลมหายใจหอมสดชื่น หรืออะไรก็ตามที่เป็นสิ่งดีๆ ของการไม่สูบบุหรี่
  6. อาบน้ำหรือแช่ในน้ำอุ่นวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที หลังจากอาบน้ำอุ่นแล้ว ควรตามด้วยการราดน้ำเย็นเพื่อช่วยให้ร่างกายสดชื่น
  7. ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว น้ำจะช่วยกำจัดนิโคตินออกจากร่างกาย ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า หลังอาหารทุกมื้อช่วงระหว่างมื้อและก่อนนอน
  8. หลีกเลี่ยงสุรา ชา กาแฟ น้ำอัดลม เพราะจะทำให้เกิดความอยากสูบบุหรี่
  9. หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารมันจัด อาหารหวานจัด อาหารเผ็ด เพราะอาหารมีผลโดยตรงต่อสุขภาพจิต
  10. กินวิตามินบีรวม ในรูปแคปซูลหรือเม็ดหรือจะกินส่าข้าวสาลี (Wheat Germ) 1-2 ช้อนโต๊ะหลังอาหารโดยอาจผสมกับนมสด
  11. อย่ากดดันตัวเองจนเครียด และอย่ารู้สึกผิดจนเกินไปเมื่อคุณเผลอ ให้อภัยตัวเอง และเริ่มกลับเข้าสู่โปรแกรมงดบุหรี่ทันที ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ งด แล้วจะหยุดได้เอง อย่างน้อยก็ลดปริมาณบุหรี่ที่เคยสูบได้มากกว่าเดิม
  12. ถ้าต้องสูบจริงๆ ให้ลองเปลี่ยนมือคีบบุหรี่ เปลี่ยนชนิดบุหรี่เป็นยี่ห้อที่คุณไม่ชอบ และจำกัดสถานที่สูบบุหรี่ให้ตัวเอง เช่น นอกบ้าน บนระเบียงชั้นสาม
  13. เมื่ออยากสูบบุหรี่ อย่าตอบสนองตัวเองทันที ทำเฉไฉสักห้านาที แล้วค่อยจุดสูบ เพื่อลดความกระวนกระวายที่ต้องทำทันทีเมื่อรู้สึกต้องการ
ที่มา FW Mail


สลายขี้หูได้ ไม่ต้องแคะ เพื่อสุขภาพที่ดีและป้องกันโรคหูตึง

สุขภาพหู ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก การ แคะหูจึงเป็นเรื่องต้องห้าม เหตุเพราะมีอันตรายต่อสุขภาพหู อาจทำให้เป็นโรคหูตึงได้ วันนี้เราจึงหยิบเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการแคะหู มาฝากกันค่ะ

คุณสาวๆ ขา แม้ว่าการแคะหูจะเป็นเรื่องต้องห้าม ด้วยว่ามีผลต่อสุขภาพหู แต่ถ้าขี้หูมาลามปามสร้างความอุดตันจนคุณๆ กลายเป็นสาวหูตึง (ชั่วคราว) ล่ะก็ ยิ้มหวานมีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้าน อโรมาเธอราพี มาฝากจ้า

เทน้ำมันมะกอกในขวดแก้วขนาด 20 มิลลิลิตร ผสมด้วยน้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์ที่มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย 5 หยด นำขวดแช่น้ำอุ่นสัก 10 นาที แล้วค่อยๆ เอามาเทในหูสักเล็กน้อย อุดด้วยสำลี ทำวันละ 2 ครั้ง สัก 3 วัน

นั่น!!หายแล้วใช่มั้ยเอ่ย

ที่มา FW Mail

Friday, June 26, 2009

อย.เตือนภัยครีมกันแดด - แก้ฝ้า 15 ชนิดใช้แล้วหน้าพัง

อย.เตือนภัยครีมกันแดด - แก้ฝ้า 15 ชนิดใช้แล้วหน้าพัง

ภญ.วีรวรรณ แตงแก้ว รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าววันที่ 23 มิถุนายนว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกำหนดให้เครื่องสำอางจำนวน 15 รายการ เป็นเครื่องสำอางที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือขาย ประกอบด้วย
  1. BEANNE บีแอน ครีมไข่มุกตราแตร
  2. แอนตี้-ฟาร์ ครีม
  3. แอนตี้ – ฟาร์ โลชั่นกันฝ้า ปรับผิว
  4. ROSE ครีมขจัดฝ้า
  5. FAR-ACT ครีมรักษาฝ้า
  6. CN คลินิก 99
  7. ครีมฝ้าเมลาแคร์
  8. โลชั่นกันแดด กันฝ้า เมลาแคร์
  9. ครีมวินเซิร์ฟ
  10. โลชั่นวินเซิร์ฟ ลดฝ้ากันแดด
  11. MUI LEE HIANG PEARL CREAM
  12. เอสจี โลชั่นปรับสภาพผิว
  13. เลนาว ครีมบำรุงผิวหน้ากลางคืน
  14. NEW CARE นิวแคร์ ครีมประทินผิว
  15. NEW CARE นิวแคร์ โลชั่นปรับสภาพผิว
มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2552 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หากผู้บริโภคพบเห็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ผิดกฎหมายทั้ง 15 รายการดังกล่าวยังวางจำหน่ายอยู่ตามท้องตลาด ขออย่าซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวทุกรุ่นการผลิตมาใช้อย่างเด็ดขาด เพราะเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ หากพบมีการฝ่าฝืนกฎหมาย ผู้ผลิต / ผู้นำเข้า และผู้ขาย มีความผิดจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ที่มา มติชนออนไลน์


เมื่อคุณมี "ความต้องการ" มากกว่าเขา

ความ เชื่อผิดๆ อย่างหนึ่งก็คือว่า ผู้ชายนั้นมีอารมณ์ทางเพศอย่างรุนแรง และเร่าร้อนตลอดเวลา ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย ผู้ชายเองก็สามารถ "หมดอารมณ์" กับคุณผู้หญิงทั้งหลายได้ ด้วยสาเหตุดังนี้

เขาเครียดมากไปหรือเปล่า

ปํญหาที่มักเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน อาจจะเครียดจากงานประจำ เรื่องเงิน เรื่องความรับผิดชอบต่อครอบครัว เป็นตัวทำลายเซ็กซ์ได้เสมอ ถ้าคุณรู้สึกว่าเขาเริ่มที่จะห่างเหินคุณไปแล้วละก็ ลองสังเกตุเขาให้ดีว่า เขาเครียดมากไปหรือเปล่า ลองกอดเขา หรือนวดให้เขารู้สึกผ่อนคลายบ้างสิคะ คุณทราบหรือไม่ว่า การนวดให้กันและกันนั้น นอกจากจะเป็นการประชับความสัมพันธ์กันและกันแล้ว ยังช่วยผ่อนคลายทั้งกล้ามเนื้อ และจิตใจให้กับเขาได้อีกด้วย เมื่อจิตใจของเขาผ่อนคลายแล้วละก็ โดยมากเขาก็จะกลับมา "เร่าร้อน" เหมือนเดิมคะ

เขาโกรธอะไรคุณอยู่
โดย มาก ชายหนุ่มมักจะไม่แสดงออกอะไรมากนักเกี่ยวกับการอารมณ์ ไม่ว่าจะรักหรือโกรธ เขามักจะเก็บเอาไว้ข้างในเสมอ หากเขาอยู่ๆ ก็นิ่งๆ ห่างเหินคุณไปละก็ ให้ลองนึกย้อนดูก่อนวันเกิดเหตุสิคะว่า ก่อนวันที่เขาจะ "เปลี่ยนไป" นั้น เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง หากเขาโกรธ หรือน้อยใจอะไรละก็ พูดและทำความเข้าใจให้ตรงกันนะคะ จะได้ไม่มีปัญหาอะไรในระยะยาว

คุณปล่อยตัวมากเกินไปหรือเปล่า
แม้ ว่าความรักจะเป็นเรื่องของความรู้สึก แม้ว่าเขาจะไม่เคยนึกรังเกียจในรูปร่างของคุณแต่อย่างใดก็ตาม แต่หากคุณปล่อยตัวจนน้ำหนักขึ้นมากไป ความรู้สึกต่ออารมณ์เพศของเขาก็อาจจะเปลี่ยนไปได้เช่นกัน ทางที่ดี คุณก็ควรที่จะหันมาออกกำลังกาย กระชับสัดส่วนบ้างนะคะ

เขากำลังมีคนใหม่
ปัญหา นี้ อาจจะเกิดขึ้นได้หากคุณไม่ได้แก้ไขปัญหาข้างต้นมาเป็นเวลานานๆ เพราะผู้ชายโดยมาก เมื่อเขามีปัญหา หากเขาได้รับการดูแลเอาใจใส่ ความห่วงใย และใส่ใจจากใครคนอื่น ที่แสดงออกได้มากกว่าคึณแล้วละก็ เป็นไปได้มากที่เขาจะเทใจให้คนอื่น ดังนั้น หากคุณเริ่มเห็นว่าเขา "ห่างเหิน" ละก็ นั้นอาจจะเป็นสัญญาณอันตรายได้คะ


10 ขั้นสู่สวรรค์ออรัลเพื่อเธอ

บ่อยครั้งที่ผู้ชายไม่รู้เทคนิคใช้ลิ้นให้ถูกใจผู้หญิง ปัญหาที่เจอประจำคือ พ่อเจ้าประคุณลงแค่ปลายลิ้นจึ๊กๆ หรือไม่ก็ละเลงทั้งปาก ทั้งดูด และเลีย อย่างกับกำลังแทะฝักข้าวโพด หาความพอดีมิได้ เราจึงขอนำเสนอเทคนิคออรัลเอาไว้กระซิบบอกหนุ่มของคุณ ตำรับนี้ได้มาจากหนุ่มๆที่เค้าศึกษากันมาเป็นอย่างดี

10 ขั้นสู่สวรรค์ออรัลเพื่อเธอ
  1. อย่าเร่ง ผู้หญิงเครื่องร้อนช้าและถึงจุดสุดยอดช้ากว่าผู้ชาย ควรให้เวลาเธอซักนิด
  2. เริ่มอย่างนุ่มนวล ใช้มือโลมลูบ จูบและเลียทั่วเรือนร่าง จากนั้นลงไปยังจุดยุทธศาสตร์
  3. จัดท่วงท่า เลือกท่วงท่าให้ดีตามความถนัด และสะดวกสบายของเธอ อาจเสียเวลานิดหน่อยแต่คุ้มค่ะ
  4. สร้างความชุ่มชื้น อย่าปล่อยให้ส่วนนั้นแห้งผาก ใช้น้ำลายเยอะๆ ตอนเลียพื้นที่รอบๆ จากนั้นค่อยพุ่งเป้ามาที่คลิตอริส อย่าใช้แค่ปลายลิ้น ควรใช้ลิ้นทั้งแผ่น
  5. รักษาจังหวะ เรื่องนี้สำคัญมาก การเปลี่ยนจังหวะและเทคนิคบ่อยๆ ไม่เวิร์กค่ะ ทำให้อารมณ์ขาดห้วง พานเซ็งเปล่าๆ
  6. ส่งเสียงพึงพอใจ ผู้ชายควรส่งเสียงให้เธอรู้สึกว่า เขาชอบที่ได้บริการเธอ เพื่อให้เธอสบายใจ ไม่เครียดเกร็งเกินไป
  7. อย่ารุนแรงเกินไป เบาๆลิ้นหน่อยเถอะค่ะ นุ่มๆเนิบๆ เร้าใจจะตายไป เพิ่มลีลาวนลิ้นเป็นวงกลม วู้ย.สยิวกิ้วมากๆ
  8. นิ้วเพิ่มความเสียว ผู้หญิงบางคนชอบให้สอดนิ้วเข้าไปเมื่อเกือบถึงจุดสุดยอด เพิ่มอารมณ์เซ็กซ์ได้มากขึ้นหลายเท่า
  9. ประตูหลังก็เวิร์ก ผู้หญิงบางคนชอบใช้นิ้วชโลมสารหล่อลื่นสอดเข้าทางประตูหลัง ขณะถึงจุดสุดยอด ถามเธอก่อนว่าชอบไหม จากนั้นบริการให้เต็มที่เลยค่ะ
  10. อย่าหยุด เรื่องนี้สำคัญมากค่ะ ผู้ชายมักหยุดลิ้นเมื่อเห็นผู้หญิงเกร็งตัวค้าง เพราะคิดว่าเธอถึงจุดสุดยอดแล้ว อย่าหยุดเชียวนะคะ ต้องลงลิ้นบรรเลงต่อไป เนื่องจากผู้หญิงถึงจุดสุดยอดนานกว่าผู้ชาย
5 สิ่งที่ผู้ชายทำพลาดประจำ
  1. ทำอย่างขอไปที แถมยังทำท่าเหม็นแบบไม่เกรงใจ การที่ผู้ชายที่เงยหน้าขึ้นมาบอกว่า มันมีกลิ่น ทั้งที่ผู้หญิงเพิ่มอาบน้ำ เป็นเรื่องตลกสิ้นดี เพราะกลิ่นตามธรรมชาติจะฉุนนิดหน่อย อย่าใช้เป็นข้ออ้างเปลี่ยนแฟน ถ้าทำใจยอมรับไม่ได้
  2. รุนแรงเกินไป ผู้หญิงชอบลิ้นแข็งแรงแต่อ่อนโยน อย่าทำให้ความเสียวกลายเป็นความเจ็บปวด
  3. ทำไม่นานพอ ผู้หญิงใช้เวลากรุยทางสู่จุดสุดยอดนานกว่าผู้ชาย ให้เวลาเธอตามสบาย รับรองว่ารักตายเลยล่ะ
  4. เปลี่ยนเทคนิคบ่อยเกิน จังหวะกำลังได้ เสียวกำลังดี เคลิ้มๆเกือบๆแล้ว จู่ๆคุณผู้ชายก็เปลี่ยนลีลาซะงั้น อารมณ์ก็สะดุดสิคะ ต้องเสียเวลาทำความคุ้นเคยกับลีลาใหม่อีกแล้ว
  5. หยุดตอนกำลังถึงพริกถึงขิง จุดสุดยอดของผู้หญิงยาวนานกว่าผู้ชาย ถ้าเห็นทำตัวเกร็งเมื่อไหร่ ขอร้องว่าอย่าหยุดลิ้น กรุณาบรรเลงต่อไปค่ะ ไม่งั้นอาจค้างเติ่งเสียอารมณ์เพลงได้
รู้หรือไม่
ผู้หญิงร้อยละ 73 ชอบให้ผู้ชายทำออรัลให้
ผู้หญิงร้อยละ 24 ชอบทำออรัลให้ผู้ชาย


ควรมีเซ็กส์มากแค่ไหน เพื่อให้สุขภาพดีตลอดไป

เดือนละครั้ง : สามารถลดอันตรายจากการเป็นมะเร็งเต้านมได้ โดยนักวิจัยเข้าใจว่า เซ็กส์ช่วยทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนโดยตรง ดร.ชวาร์ทซ์ บอกว่า จากการศึกษาหลายต่อหลายครั้งบอกให้รู้ว่าโปรเจสเตอฌรนที่เพิ่มขึ้นมานั้น มีส่วนสัมพันธ์กับการลดลงของอันตรายจากมะเร็งเต้านม และยังมีอีกหลายกรณีที่บ่งบอกว่า ยิ่งมีเซ็กส์บ่อยขึ้น อันตรายจากการเป็นมะเร็งเต้านมก็ยิ่งลดน้อยลง

สัปดาห์ละครั้ง : ไม่เป็นหวัด ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ เพราะจาการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยวิลด์ ในเพนซิลวาเนีย ระบุว่า ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ จะมีระดับสารต้านทานโรคในร่างกายที่มากกว่าผู้ที่ไม่มีเพศสัมพันธ์เลย อีกทฤษฎีหนึ่งบอกว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะการมีเซ็กส์บ่อยจะเปิดช่องโหว่ให้กับพวกแบคทีเรีย จุลินทรีย์ทั้งหลาย ร่างกายของเราจึงต้องรีบสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นโดยธรรมชาติ แต่ข้อสำคัญ การมีเซ็กส์บ่อยครั้งนี้ ไม่ได้ช่วยให้ภูมิคุ่มกันมีมากขึ้นไปอีก ผู้ที่มีกิจกรรมทางเพศสัปดาห์ละ 3 ครั้ง หรือมากกว่านั้น ระดับสารต้านทานโรคกลับต่ำลง จึงทำให้รับเชื้อไวรัสต่าง ๆ เช่นหวัด ไข้หวัดใหญ่ ได้ง่ายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ประจำเดือนจะมาสม่ำเสมอกว่าผู้ที่ไม่ค่อยได้มีเซ็กส์เลย

สัปดาห์ละ 3 ครั้ง : ทำให้ดูอ่อนวัยกว่าอายุจริง โดยในการศึกษาวิจัยครั้งหนึ่ง อาศัยชาย-หญิงชาวยุโรปและอเมริกัน กว่า 3,500 คน เป็นกลุ่มเป้าหมาย นักวิทยาศาสตร์ได้สอบถามอาสาสมัครในหลายประเด็น รวมทั้งจำนวนครั้งของการมีเพศสัมพันธ์กัน ผลคือ ผู้ที่ยอมรับว่ามีเพศสัมพันธ์มากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะดูอ่อนวัยกว่าอายุจริง 7-12 ปี


ศิลปะบนเตียง 23 ประการ ของสุภาพบุรุษ

เอาล่ะ ขณะนี้คุณอยู่บนเตียงกับเธอ... แต่กลับรู้สึกไม่มั่นใจ ว่า ควรทำอะไรต่องั้นหรือเปล่า? ไม่ต้องห่วง นี่คือ "ศิลปะ 23 ประการ" เพื่อให้สุภาพบุรุษแน่ใจว่า คุณจะเป็นสุภาพบุรุษเมื่ออยู่บนเตียงและเธอ....จะกลับมาอีกครั้ง
  1. เริ่มด้วยการจูบ การเลี่ยงริมฝีปาก แต่กลับจู่โจมตรงดิ่งไปยังเรือนร่าง ส่วนที่ไวต่อความรู้สึกทางเพศของ เธอในทันที ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยอดคิดไม่ได้ ชายผู้นี้คงรู้สึกว่าตัวเองเสียไปมากแล้ว ทั้งเวลาและเงินทอง ตอนนี้คงกำลังพยายามทวง ความคุ้มค่าคืนมาให้เร็วที่สุด โดยหารู้ไม่ การจูบด้วยความดื่มด่ำ เป็นพื้นฐานสำคัญของการเร้าอารมณ์

  2. อย่าเป่าลมเข้าหูเธอแรงนัก เชื่อเถอะการเป่าลมเพื่อสร้างความอีโรติก กับการเป่าลมเพื่อดับเทียนบนเค้ก ฉลองครบรอบ 50 ปีของคุณ นั้นต่างกัน การเป่าลมเข้าหูแรงๆ สร้างความเจ็บปวดได้

  3. โกนหนวดให้เรียบร้อย ผู้ชายมักลืมเสมอๆ เหนือริมฝีปากและบริเวณคางของตัวเอง เต็มไปด้วยสิ่งที่คล้ายขนเม่น และผู้ชายมักใช้ร่างกายส่วนนี้ซุกไซ้อยู่กับใบหน้า และทรวงอกของอีกฝ่าย ในยามที่เธอเอียงศีรษะไปซ้ายทีขวาที นั่นไม่ใช่ด้วยรู้สึกเสน่หา แต่เพราะพยายามหลีกเลี่ยงขนเม่นเหล่านั้นมากกว่า

  4. อย่าเปลื้องผ้าเธอให้อยู่ในสภาพน่าเกลียด ผู้หญิงไม่ชอบถูกมองดูเป็นยายเซ่อ ถ้าคุณถอดสเวตเตอร์เธอออกไว้แค่คอ นั่นแหละใช่เลย เปลื้องผ้าเธอให้เหมือนกับคุณกำลังแกะห่อของขวัญที่แสนจะมีค่า อย่าทำเหมือนเด็กแกะกล่องของเล่น

  5. ว่าด้วยการเคล้าคลึงทรวงอก ผู้ชายส่วนมากทำเหมือนกับเวลาที่คุณแม่บ้าน ทดสอบผลไม้จำพวกแตงว่าสุกหรือยัง พอหยิบได้ ก็เอาแต่ใช้อุ้งมือบีบ ลองเปลี่ยนเป็นใช้วิธีลูบคลำด้วยความนุ่มนวลดูบ้าง

  6. ว่าด้วยการขบกัด ผู้ชายมักทำเหมือนพยายามดึงจุกสำหรับเป่าลม ของลูกบอลพลาสติกออกด้วยปาก ความจริงแล้ว "ยอดอก"ของสตรีเป็นส่วนที่ไวต่อความรู้สึกมาก ทนกิริยาที่เหมือนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแบบนั้นไม่ไหว แค่เพียงสะบัดลิ้นผ่านก็เพียงพอ อย่าเห็นเป็นของเล่นสำหรับลูกหมาฟันเพิ่งขึ้นแบบนั้น

  7. อย่าทิ้งของขวัญไว้ให้เธอจัดการ การกำจัดถุงยางอนามัยใช้แล้ว เป็นหน้าที่ของเพศชาย คุณเป็นผู้สวม ก็ต้องเป็นผู้ทิ้งให้เป็นที่เป็นทาง

  8. อย่าเล่นงานคลิตอริสโดยตรง แรงกดโดยตรงสร้างความเจ็บปวดมากสำหรับผู้หญิง ใช้นิ้วมือหมุนวนเฉพาะด้านข้าง ด้วยความนุ่มนวล จะดีกว่า

  9. อย่าผลักไสสิ่งใดเข้าไประหว่างเล้าโลมขั้นต้น การไล้มือด้วยความแผ่วเบา ผ่านกางเกงชั้นใน ให้ความรู้สึกเซ็กซี่ได้มาก แต่การพยายามผลักสิ่งใดเข้าไป ในช่วงระยะเวลานี้ ไม่ควรทำอย่างยิ่ง

  10. อย่านวดให้รุนแรงนัก ถ้าตั้งใจจะใช้วิธีการนวดเพื่อเร้าอารมณ์และความรู้สึกทางเพศ ฝ่ามือและปลายนิ้วเป็นที่ยอมรับได้ ที่ห้ามใช้คือข้อศอกและหัวเข่า

  11. อย่าเปลื้องผ้าก่อนเวลาอันควร ห้ามเร่งรัดสถานการณ์ ด้วยการชิงเป็นฝ่ายแก้ผ้าก่อน ควรปล่อยให้เธอเป็นฝ่ายชี้นำ เช่น เมื่อเธอเริ่มแกะกระดุมคุณ

  12. อย่าถอดกางเกงออกเป็นชิ้นแรก ผู้ชายในสภาพที่ตัวเหลือแต่กางเกงในกับถุงเท้าทำงาน เป็นภาพที่แย่ที่สุดทางที่ดีควรปล่อยให้ถุงเท้าหลุดจากร่างกายไปก่อนเป็น อันดับแรก

  13. อย่าเร่งความเร็วเกินไป เมื่อบางส่วนของร่างกายคุณอยู่ในร่างกายเธอ สิ่งที่แย่ที่สุดที่ผู้ชายมักทำ คือ เร่งความเร็วเหมือนโยกคันปั๊มน้ำเหมือนการปั๊มน้ำขึ้นจากบ่อบาดาลในไม่ช้า ผู้หญิง ก็จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงเครื่องจักรล้าสมัยที่คนงานจำเป็น ต้องออกแรงอย่างหนักที่ดีกว่าคือเริ่มด้วยจังหวะช้าๆ สม่ำเสมอไม่ต้องเร่งร้อนให้เป็นไปตามธรรมชาติ

  14. อย่าไปถึงจุดนั้นเร็วเกินไปนัก เป็นความกลัวของผู้ชายทุกคน ใครที่ไปถึงจุดสุขสุดยอดก่อนที่จะเห็นดวงตาของอีกฝ่ายกลอกกลิ้งจนแทบจะหาตา ดำไม่พบทำใจได้เลยคุณต้องเตรียมแผนสำรองสำหรับความสุขของเธอที่ยังมาไม่ถึง

  15. อย่าไปไม่ถึงสักที เป็นความเข้าใจของผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่ว่า การร่วมรักเป็นชั่วโมงโดยไม่ไคลแมกซ์ เป็นสัญลักษณ์ของชายชาตรี แต่สำหรับผู้หญิงแล้ว เต็มไปด้วยความปวดระบม

  16. อย่าถามว่าเธอไปถึงแล้วใช่ไหม คำถามนี้มีความหมายเทียบเท่ากับที่เธอถามคุณว่า "อยู่ข้างในแล้วใช่ไหมคะ" ปกติแล้วผู้ชายจะรู้ถ้าผู้หญิงไปถึง ผู้หญิงส่วนใหญ่มักส่งเสียง แต่ถ้าไม่ทราบจริงๆ ก็อย่าถาม ณ ขณะนั้น ให้นำเรื่องนี้มา ถามภายหลัง ทำให้เหมือนเรื่องปกติที่สามี-ภรรยาพูดคุยกัน

  17. อย่าใช้ศอกดันศีรษะเธอลง ถ้าต้องการรับสัมผัสรักจากปากคู่รัก อย่าใช้มือกดหรือใช้ข้อศอกดันศีรษะเธอลงไป นอกจากไม่สุภาพแล้ว ผู้หญิงยังรู้สึกถูกบีบบังคับ และกดขี่ทางเพศหน่อยๆ ควรใช้วิธีกระซิบหว่านล้อมจะดีกว่า

  18. เตือนให้เธอรู้ว่าคุณจะไคลแมกซ์ รสชาติของเหลวจากการไคลแมกซ์ของเพศชาย เหมือนน้ำทะเลผสมไข่ขาว ไม่ใช่ทุกคนจะชอบรสนี้ เมื่อคู่รักทำออรัลเซ็กซ์ให้ เตือนให้เธอรู้ตัวสักหน่อย เผื่อเธอจะมีวิธีรับมือตามความถนัดของเธอ

  19. ว่าด้วยความสะอาด เด็กหนุ่มควรได้รับการชี้แนะให้ทำความสะอาดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศเป็นประจำ ทุกวัน ไม่เช่นนั้น อวัยวะเพศอาจติดเชื้อ หรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ถ้าผู้ปกครองลืมชี้แนะ รีบเข้าไปในห้องน้ำแล้วทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ : ค่อยๆ ดึงหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศไปด้านหลัง ถูเบาๆ ด้วยสบู่อ่อน ชำระล้างด้วยน้ำอุ่น ถ้ามีคราบสกปรกติดอยู่ ใช้นิ้วค่อยๆ เช็ดออก แล้วปล่อยหนังหุ้มปลายกลับมาอยู่ที่เดิม

  20. อย่าปฏิบัติตามธรรมเนียมหนังเอ็กซ์ ในภาพยนตร์ประเภทนี้ ผู้หญิงดูเหมือนคลั่งไคล้เมื่อผู้ชายฉีดพ่นของเหลวในขณะไคลแมกซ์ไปทั่วร่าง กายเธอ แต่ในชีวิตจริง นั่นหมายถึงงานซักรีดที่ต้องเหนื่อยแรงมากขึ้น

  21. อย่าปล่อยให้เธออยู่ข้างบนนานเกินไป การขอให้เธอเป็นฝ่ายอยู่ข้างบนเป็นเรื่องที่ดี แต่เมื่อเธอขึ้นไปอยู่ด้านบนแล้ว คุณก็ไม่ควรนอนเฉยๆ จงลูบไล้เรือนร่างเธอด้วยความละมุนละมัยเธอจะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเกินไป และปล่อยให้เธอลงมาพักบ้าง

  22. ว่าด้วยการขอถ่ายรูป เมื่อผู้ชายเอ่ยปาก "ผมขอถ่ายรูปคุณตอนนี้ได้ไหม" สิ่งที่เธอได้ยินต่อก็คือ "...เพื่อจะได้เอาไว้อวดเพื่อนๆ ของผมไง" ถ้าคุณประทับใจจริงๆ ครั้งนี้เก็บภาพเธอไว้ด้วยความทรงจำจะดีกว่า

  23. เป็นนักจินตนาการเข้าไว้ "การจินตนาการ" รวมความหมายได้ตั้งแต่ การใช้นิ้วลากเป็นตัวอักษร บนแผ่นหลังอันเปลือยเปล่า ของเจ้าหล่อน ราดน้ำผึ้งบนตัวหล่อนแล้วเลียออก หรืออะไรก็ตามที่หยิบฉวยได้ด้วยมือ เช่น ผลไม้ น้ำแข็ง ผ้าพันคอ การอาบน้ำหรือแช่ในอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยฟองสบู่หอมยกเว้น "น้ำตาเทียนร้อนๆ" อาจเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป


Thursday, June 25, 2009

10 Steps of Oral Sex

ช่วงเวลาที่สุขที่สุดของการมีเซ็กซ์ คงหนีไม่พ้นจุดสุดยอดเป็นแน่ แต่ระหว่างทางก่อนที่จะถึงจุดนั้น มีวิธีหนึ่งที่ทำให้รู้สึกดีไม่แพ้กัน นั่นคือการ เล้าโลมด้วยปาก หรือว่าง่ายๆ ก็คือ Oral Sex แต่วิธีการนี้ก็ยังมีหลายคู่ หลายคน ไม่แน่ใจว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไร ต้องทำอย่างไรบ้าง เอาเป็นว่าผมจะไล่เรียงแต่ละขั้นแต่ละตอนให้เห็นภาพกันจะๆ ละกันครับ

บอกไว้ก่อนว่า วิธีการต่างๆ นั้น เป็นเพียงแค่คำแนะนำเท่านั้น หากคุณอยากจะให้รักของคุณออก มาพึงพอใจทั้งคู่ ลองมานั่งคุยกันว่าพอใจไหม ต้องปรับเปลี่ยนอย่างไร อย่าไปอายเลยครับ นึกเสียว่า ไม่รู้วันนี้ ดีกว่า เลิกกันไปแล้วมานั่งเสียดาย

Step1: เปิดใจก่อนเปิดปาก
หลายๆ คน มองวิธีการทำรักด้วยปากเป็นเรื่องต่ำ น่ารังเกียจ ไม่สนุก ไม่ปลื้ม ฯลฯ เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นคุณต้องเลิกความเชื่อเหล่านี้เสีย แล้วทดลองดูก่อน ผมเชื่อว่าคู่รักหลายๆ คู่ มีสิทธิ์ที่จะตกอยู่ในภวังค์ของกันและกันไปในทันที เริ่มต้นขั้นตอนแรกไม่ใช่เรื่องยากครับ ทำใจยอมรับให้ได้เสียก่อนว่าความสุขกำลังจะตามมา

Step2: ความสะอาดต้องมาก่อน
ความสะอาดของคุณเป็นส่วนสำคัญที่สุดก่อนที่จะเริ่มกิจกรรมนี้ เพราะจุดสำคัญของคุณคงไม่ได้หอมดังกลิ่นกุหลาบหรือหวานปานน้ำผึ้งใช่มั้ยครับ ดังนั้น ก่อนที่จะเริ่มอะไรสนุกๆ คุณควรจะอาบน้ำทำความสะอาดเสียก่อน โดยเฉพาะตามซอก ตามหลีบที่เป็นจุดให้ความสนุก ยิ่งต้องเน้นเป็นพิเศษครับ

Step3: อบอุ่นร่างกายก่อนลงสนามจริง
ก่อนที่คุณจะก้มลงไปที่หว่างขาของเธอนั้น คุณอาจจะใช้ลูกเล่นสักนิดหน่อย อมน้ำร้อนไว้ในปากสักนิด เพื่อให้ความอบอุ่นเกิดขึ้นที่ปลายลิ้น เพียงแค่นี้เนินน้อยๆ ของเธอก็จะได้รับสัมผัสที่อบอุ่นและนุ่มนวล

Step4: โหมโรงคลื่นกระทบฝั่ง
ค่อยๆ บรรเลงบทเพลงรักไปเรื่อยๆ ช้าๆ เหมือนคลื่นที่ค่อยๆ ซัดเข้าหาฝั่ง การใช้มือและลิ้น ค่อยๆ สัมผัสกับร่างกายของฝ่ายหญิงอย่างนุ่มนวล ให้เหมือนเป็นจุดเริ่มของบทรักบทนี้อย่างอิ่มเอมใจ

Step5: ฝ่ามือกุมขมิบ
ใช้ฝ่ามือของคุณ ค่อยๆ กุมไปที่น้องหนูเอาไว้ให้มิดชิด จากนั้นสอดมืออย่างช้าๆ ไปที่บริเวณด้านบนของเธอ ใช้การแตะ สัมผัสเบาๆ หรือจะบดบี้ ขยี้อย่างไร้ความปรานีก็ตามแต่ แต่ควรกำหนดทิศทางให้อย่างชัดเจนเพื่อไล่เรียงความเสียวไปด้วย เช่นเป็นวงกลม ขึ้นๆ ลงๆ ก็ได้เช่นกัน

Step6: ชิวหาพาเพลิน
กระตุ้นอารมณ์ด้วยมือได้สักพัก แล้วหันมาใช้ลิ้นอุ่นๆ ค่อยๆ สัมผัสกับน้องหนูเบาๆ บริเวณซอกขา ไล่ไปที่จุดเสียว ระหว่างที่ใช้ลิ้นแตะ ก็ใช้มือลูบไล้จุดกระตุ้นอารมณ์ส่วนอื่นไปด้วยก็ได้

Step7: 69 ท่าไม้ตายสุดคลาสสิค
ท่านี้เป็นท่าที่คนส่วนใหญ่แล้วนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ท่า 69 กลับหัวกลับหาง ทำรักให้กันและกัน วิธีนี้ไม่จำเป็นจะต้องนอนราบอย่างเดียวเท่านั้น จะนอนข้าง ตะแคง หรือจะหกคะเมนแค่ไหนก็ได้ ตามแต่ใจชอบเลยครับ

Step8: เปิดธารน้ำไหล
การใช้ลิ้นจนเพลินเกินไป อาจจะทำให้บริเวณเนินน้องนั้นแห้งผาก ให้ใช้มือช่วยเปิดกระตุ้นให้น้ำไหลออกมาครับเท่านี้ก็จะเหมือนน้ำที่ทะลักออกมาจากซอกหินให้เราเพลินเพลินเจริญใจต่อ

Step9: เวลาจะช่วยอะไร
หากใช้เวลาในการทำนานเกินไป อาจจะทำให้อีกฝ่ายหมดอารมณ์ไปเลยก็ได้นะครับ แนะนำว่าระยะเวลาที่พอเหมาะสำหรับการทำรักด้วยวิธีนี้ อยู่ที่ประมาณ 20 นาที จากนั้นก็เริ่มซุกซนไปที่อื่นได้แล้ว

Step10: ส่งท้ายเดินหน้าลุยหรือโบกมือลา
จากเริ่มต้นมาถึงจุดนี้ อารมณ์ของทั้งคู่คงถึงที่สุดแล้ว คงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก หากพร้อมแล้วที่จะไปต่อ คุณก็เดินหน้าลุยไปได้เลย แต่ถ้ายังไม่พร้อม ก็หลุดความสุขสันต์ไว้ที่แค่นี้ก็พอครับ

Monday, June 22, 2009

Wake UP เซ็กซ์...เอ็กซ์กันแต่เช้า

การซุกตัวอิงแอบกัน ยามเช้าแล้วแปรเปลี่ยนไปเป็นเซ็กซ์ ร้อนแรงเหนือความคาดหมาย ถือเป็นความเซ็กซี่ที่พิเศษ สุดยอด ซึ่งกลายเป็นความชื่นมื่นคึกคักทำให้หน้าตา บานแฉ่งจนเพื่อนร่วมงานต้องร้อง ทักว่า วันนี้มีอะไรพิเศษ หรือเปล่าหนอ สำหรับผู้ชายการมีเซ็กซ์ตอนเช้าเป็นสิ่งแรกถือเป็นการกระตุ้นร่างกายให้ตื่น ตัว และตอนเช้ายังเป็นช่วงดีที่สุดเหมาะแก่การมีเซ็กซ์ เนื่องจากระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน จะเพิ่มขึ้นสูงสุดในตอนเช้า นอกจากนั้น ทั้งเราและเขาควรพักผ่อนให้เต็มที่ ไม่เครียดไม่เซ็ง และพร้อมเตรียมลุยได้แบบไม่เกรงใจใคร ขอแนะนำให้ตั้งนาฬิกาปลุกเร็วขึ้นกว่าเดิมสัก 1 ชั่วโมงแล้วลองทำตามเคล็ดลับ ซุกซนดังต่อไปนี้
ปลุกให้ตื่น

ธรรมชาติ ของผู้ชายทุกคนคือแข็งตัวเมื่อตื่นนอนตอนเช้า โดยไม่มีอารมณ์เพศเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเรื่องของระบบร่างกายมากกว่า เรื่องอย่างว่า คล้ายกับร่างกายต้องการทดสอบเครื่องเคราเมื่อเริ่มวันใหม่ นั่นแหละ ดังนั้น ผู้หญิงจึงควรฉวยโอกาสนี้จัดการกระตุ้นเร้าอารมณ์เซ็กซ์ ของเขาก่อนที่จะรุกเข้าสู่โหมดร้อนแรงยิ่งขึ้น ด้วยการบรรจงจูบเขาให้ตื่น จากหลับไหล โดยเริ่มที่บริเวณขมับ ริมฝีปาก แล้วไล่เรื่อยลงมาตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยมีเป้าหมายสุดท้ายที่เจ้าหนู อย่าลืมใช้เวลาละเลียดอยู่แถวต้นขาด้านใน จากนั้นตบท้ายด้วยการอ้ำเจ้าหนูอย่างเอร็ดอร่อยจนเขาต้องครางฮือ
ข้อควรจำ : เขาสามารถใช้วิธีนี้ปลุกเราได้เช่นกัน

เซ็กซ์จานด่วน
ถ้า เป็นคนที่ต้องรีบร้อน เสมอในยามเช้า ลุกขึ้นจากเตียง ก็ต้องอาบน้ำแต่งตัวรีบไปทำงาน ลองหาเวลาทำเซ็กซ์จานร้อนแบบด่วนจี๋ซูเปอร์สปีดสิคะ เริ่มด้วยการผลักเขาลงนอน แล้วจัดการจูบแบบบดขยี้หนักหน่วงเพื่อให้เขารู้ว่าเราต้องการเขาเดี๋ยวนี้! จากนั้น กระโดดขึ้นคร่อมแบบสาวคาวเกิร์ลควบขี่ เอนตัวไปข้างหน้า จับแขนเขาไว้ในท่าขึงพืดการทำตัวเป็นผู้รุกราน จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจมากขึ้น แถมยังได้ทำตัวเป็นเจ้าแม่ไปตลอดวันนั้นเลยค่ะ

อำนาจแห่งน้ำ
แทน ที่จะทะเลาะกันแย่งห้องน้ำทุกเช้า ลองเข้าไปแจมใต้บัวอาบน้ำกับเขาดีกว่าค่ะ แล้วแตะเนื้อต้องตัวแลกเปลี่ยนสัมผัสที่เร้าอารมณ์ต่อกันจนกระทั่งทั้งเขา และเราตื่นเต็มตาและตื่นตัว ขอแนะนำให้ลองท่านี้ : ยืนขาเดียวโดยบาลานซ์ตัวให้ดี และยกขาอีกข้างเกี่ยวไว้เหนือสะโพกของเขาไว้ เพื่อเปิดทางให้สอดใส่ทางด้านหน้าได้เต็มที่ รับรองว่าห้องน้ำจะร้อนเร่าราวกับ ห้องซาวน่าเลยทีเดียว

ปรนเปรอด้วยมื้อเช้า
สร้าง อารมณ์หวามไหวด้วยการผลัดกันป้อนมื้อเช้าบนเตียงให้กันและกัน อาหารที่เหมาะกับการ ป้อนไปนัวเนียไปควรเป็นอาหารเบาๆ ที่เป็นชิ้นหรือขนาดพอคำ เช่น ผลไม้ ครัวซองต์ที่ฉีกเป็นชิ้นแล้วจิ้มกาแฟ หรือขนมปังปิ้งจิ้มไข่ดาวก็เวิร์กดี และถ้ามีอะไรหยดไหลเยิ้ม ไม่ต้องเช็ดออกค่ะขอแนะนำให้ใช้ปากให้เป็นประโยชน์ด้วยการบรรจงเลีย... เลีย... และเลียอาหารจากร่างกายกันและกัน (วิธีนี้เวิร์กมากหากยังอยู่ในชุดนอน หรือชุดอื่นที่ไม่ใช่ชุดทำงานเต็มยศ)


Friday, June 5, 2009

ผู้ชายกับ 10 คำถามที่รอคำตอบ

เรื่อง เกี่ยวกับความรักและกามารมณ์นั้น เป็นเรื่องราวที่ยังคาอยู่ในความสนใจของคนเราทุกคน ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างไร กาลเวลาจะผันแปรไปจนเข้าสู่สหัสวรรษใหม่แล้ว เพื่อเป็นการเริ่มต้นเดือนแห่งความรัก เรามาคุยกันก่อนดีไหมครับว่าในรอบปีที่ผ่านไปนั้น มีปัญหาอะไรบ้างที่ผู้ชายอยากรู้มากที่สุด 10 คำถาม เอาเป็นว่าเป็นโพลล์ของผมเองก็แล้วกัน เป็นโพลล์อย่างไม่เป็นทางการ

อันดับแรก ทำอย่างไรจึงจะมีสมรรถภาพทางเพศเต็มเปี่ยมไปนานแสนนาน
เคล็ดลับอยู่ที่
  • นอนแต่หัวค่ำ จะได้มีเวลาสร้างฮอร์โมนเพศชายได้นานขึ้น เพราะการสร้างฮอร์โมนเพศชายนั้น จะสร้างในตอนกลางคืนเป็นส่วนใหญ่
  • ช้งานอวัยะส่วนนั้นเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นตนเองหรือมีกิจกรรมแห่งความรักใคร่กับคนรัก เพราะของอะไรไม่ใช้ย่อมเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา
  • ออก กำลังกาย คลายเครียด เลือดไหลเวียนดีขึ้นแน่นอน คุณๆ ก็รู้ว่าจะให้ส่วนนั้นทำงานต้องมีเลือดไปคั่งได้ดีเวลาเกิดอารมณ์ ดังนั้น ต้องทำให้เลือดไหลเวียนดีจึงจะซู่ซ่า ซู่ซ่า...จริงไหมครับ
อันดับที่สอง ทำอย่างไรจึงจะไม่เป็นพวก นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ
แค่ คุณๆ ให้เวลาเล้าโลมเธอนานๆ หน่อย จนเธอพร้อมแล้ว คุณค่อยเคลื่อนนาวาของคุณผ่านปากอ่าวไป ถึงจะล่มไปบ้าง เธอก็คงจะพอใจไปบ้างแล้ว แต่ถ้าคุณหมั่นฝึกฝนการขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานของคุณให้หมือนตอนจะกลั้น ถ่ายอุจจาระไว้บ่อยๆ แล้วจะทำให้กล้ามเนื้อนั้นแข็งแรงเวลาที่คุณรู้สึกเหมือนจะกลั่นไม่อยู่แล้ว ก็ให้ขมิบก้นโดยแรง จะหยุดยั้งได้ครับ

ไม่ อย่างนั้นคงจะต้องถอนกายออกมา แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้คืบส่วนปลายคอคอดของเจ้าน้องชายตัวดีและ บีบอย่างแรงก็พอจะหยุดยั่งภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิดลงได้บ้างถ้าคำนวณแรง บีบดีพอ

อันดับสาม ทำอย่างไรจึงจะทำให้เป็นมังกรผงาด
เทคนิค สำคัญกว่าขนาด แน่นอนครับ แต่ขนาดก็ต้องมาตรฐานนะครับ ที่เล็กไปหน่อยก็มีปัญหาเหมือนกัน โดยเฉพาะหลังจากเธอคนนั้นคลอดลูกให้คุณไปหลายคนแล้ว หมั่นกระตุ้น น้องชาย ให้ตื่นเป็นประจำทุกครั้งที่มีเวลาส่วนตัวซิครับ จะช่วยให้เลือดไปคั่งได้ดี และอวัยวะขยายตัวได้ขนาด

อันดับที่สี่ จะรู้ได้อย่างไรว่าเธอคนนี้บริสุทธิ์
นักศึกษาแพทย์ลูกศิษย์ผมคนหนึ่ง ช่วยตอบแทนผมได้สะใจมากกว่า "อยากจะได้บริสุทธิ์น่ะ บริสุทธิ์กาย หรือบริสุทธิ์ใจ" ผู้หญิง นั้นน่ะครับ ถ้าไม่ใช้สมบุกสมบันมากนักแล้วละก็ ไม่มีทางรู้หรอกว่าเธอเคยเสียสาวมาก่อน ...อยากให้เธอบอกเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจไหมครับ อยากเป็นคนแรกหรือคนสุดท้ายดี!!

อันดับห้า ช่วยตัวเองบ่อยๆ กระสุนจะหมดไหม
ถ้า มีการใช้งานสม่ำเสมอ ก็จะมีการผลิตกระสุนออกมาอย่างสม่ำเสมอด้วย แต่อย่าใช้งานมากไปนัก เดี๋ยวจะฟ้าเหลือง ทำพอประมาณ พอดี ก็พอแล้วครับ และอย่าใช้อุปกรณ์ช่วยมากนัก เดี๋ยวจะเกิดอันตรายได้

อันดับหก มียาเพิ่มพลังเพศอะไรบ้างที่ได้ผล
ยา บำรุงพลังเพศ ยาเสริมพลังเพศ ยาปลุกเซ็กซ์ ไม่ว่าจะเรียกขานชื่ออะไร เป็นอันรู้กันว่า เป็นยาหรือสารบำรุงที่สามารถทำให้มีอารมณ์เพศได้ดี มีความสามารถในการแสดงบทรัก มีน้ำอดน้ำทน พวกนี้อยู่ในกลุ่มที่ฝรั่งเขาเรียกว่า อะโฟรดิซิแอค : APHRODISIAC แน่ นอนครับ ทางการแพทย์ยังไม่มีการยืนยันว่าตัวใดจะได้ผลจริง แม้จะทราบบ้างว่า ฮอร์โมนเพศชายที่เรียกว่า เทสโทสเตอโรน นั้น เป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เกิดอารมณ์เพศได้ แต่ถ้าคุณมีการสร้างฮอร์โมนเพศชายเป็นปกติอยู่แล้ว การได้รับเพิ่มเติมเข้าไปก็ไม่ได้มีประโยชน์ในการเพิ่มอารมณ์เพศแต่อย่างใด ดร.รูช ซึ่งเป็นนักเพศศาสตร์ที่มีชื่อเสียง กล่าวว่า อารมณ์เพศของคนเรานั้น สิ่งที่กระตุ้นได้ดีที่สุดอยู่ระหว่างหูสองข้างของคุณ...สมองของคุณนั่นไง

อันดับเจ็ด มีเทคนิคอะไรบ้างที่จะทำให้เธอมีความสุข
เทคนิค นั้นละเอียดอ่อนมาก พอจะบอกกล่าวได้เป็นหลักการก่อนว่า เธอนั้นต้องการการเล้าโลม หรือที่เรียกว่า FOREPLAY ให้มากๆ ครับ คุณต้องการกระตุ้นเธอด้วยคำพูดและอวัยวะต่างๆ ของคุณจนกว่าเธอจะแสดงอาการว่าพร้อมแล้วที่จะเป็นของคุณแล้วจึงค่อยหลอมร่าง กายเป็นร่างเดียวกัน อย่าลืมนะครับ แสดงให้เธอเห็นทั้งจากสายตา การเคลื่อนไหว ว่าเป็นการแสดงความรัก เป็นสัมผัสรักทางภาษากายที่คุณมอบให้เธอ และเมื่อมีความสุขร่วมกันแล้ว อย่าลืมกระซิบคำว่า "ผมรักคุณ" แก่เธอด้วย

อันดับแปด ทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าเธอรักเรา
มี ทฤษฎีมากมายที่รอการพิสูจน์ และผู้เขียนก็ยังไม่สามารถที่จะพิสูจน์ได้ว่าทฤษฎีไหนเชื่อถือได้มากที่สุด เขาเห็นว่า คุณก็รักเธอ ให้สุดหัวใจคุณ แล้วถ้าเธอไม่รักคุณตอบก็คิดเสียว่าไม่ใช่เนื้อคู่ก็แล้วกัน เรื่องของความรักนี่บังคับกันไม่ได้ จริงไหมครับ ถ้าจะต้องอยู่เป็นโสด ก็ขอให้เป็นโสดอย่างมีความสุขก็แล้วกัน

อันดับเก้า กลัวติดเอดส์..แต่อยากลอง
เรื่อง นี้ป้องกันดีกว่ารักษาแน่นอน เพราะโรคเอดส์นั้นถ้าติดมาแล้วเหมือนศาลพิพากษาประหารชีวิต ไม่มีการรอลงอาญา ไม่มีการอภัยโทษ สารภาพก็ไม่ลดครึ่งราคา เรียกว่าติดมาแล้ว...ตายลูกเดียว ผลการศึกษาของดูเร็กซ์โพลล์ที่ออกมาว่า หนุ่มไทยกลัวเอดส์มากที่สุดในโลก ใช้ถุงยางอนามัยน้อยที่สุดในโลก อย่าลองเลยครับ ถ้าไม่แน่ใจว่าปลอดภัย

อันดับสิบ จะรู้ได้อย่างไรว่าเธอคนนั้นไม่ชอบเพศเดียวกัน
กลัว หรือครับว่า เธอจะเป็นพวก หญิงรักหญิง เธอก็กลัวเหมือนกันครับว่า คุณจะเป็นพวก ชายรักชาย หรือรักทั้งชายและหญิง ทำอย่างไรดีครับ...เพราะเรื่องนี้ไม่มีคำตอบ ขอไปศึกษาดูก่อน ได้ความอย่างไรจะมาเล่าให้ฟังในโอกาสหน้านะครับ

นิสัยต้องห้ามสำหรับสาวรักสวย

คุณผู้หญิงทั้งหลายทราบหรือไม่คะ ศัตรูตัวฉกาจของความงาม จริง ๆ แล้ว มันก็คือ นิสัยเสีย ๆ บางอย่างของคุณสาว ๆ นั้นเองแหละ มาดูกันเลยดีกว่า ว่านิสัยที่ว่าไม่ดีต่อความงามนั้น มีอะไรบ้าง แล้วคุณมีนิสัยแบบนี้อยู่สักกี่ข้อ
  1. ชอบขมวดคิ้วและชักสีหน้า : ก็ นี่น่ะ เป็นสาเหตุสำคัญของรอยเหี่ยวย่นเลยนะ ถ้าตอนยังเป็นวัยรุ่นทำน่ะ คงไม่รู้สึกเท่าไหร่ แต่ถ้าตอนนี้คุณถึงวัยปลายยี่สิบ หรือย่างเข้าเลยสามแล้วล่ะก็ ลองไปยืนชักสีหน้า หรือขมวดคิ้วหน้ากระจกดูสิ แล้วจะตกใจ

  2. เลียปาก : นอกจากจะเป็นบุคคลิกที่ดูจะไม่ค่อยงาม แล้ว มันยังทำให้ปากเราแห้งด้วย เพราะหลังจากน้ำลายแห้งแล้ว มันจะดูดความชื้นจากริมฝีปาก ลิปมันที่ทาเพื่อปกป้องความชุ่มชื้นและแสงแดด ก็จะหมดไปแล้วน้ำลายยังไปสร้างสารบางอย่างที่ช่วยดูดแสงแดดเข้าไปมากขึ้นอีก ด้วย

  3. ขยี้ตา : ก็ผิวรอบดวงตาน่ะบอบบางมาก การขยี้ตบ่อย ๆ จะทำให้ริ้วรอบก่อตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

  4. ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวหน้าขวดเดียว : ก็ ขวดเดียวมันจะไปพออะไรล่ะคะ ยิ่งถ้าวัน ๆ ต้องเจอมลพิษนานารูปแบบ อีกทั้งกลางวันกลางคืน ก็มีความแตกต่างกัน อย่างน้อยครีมสำหรับกลางวันและกลางคืนก็ไม่ควรจะใช้ขวดเดียวกัน

  5. กัดเล็บ และปล่อยมือแห้ง : การ กัดเล็บ นอกจากจะบ่งบอกบุคคลิกภาพที่ไม่มีความมั่นใจแล้ว ยังสกปรก และทำให้เล็บอ่อนแอด้วย เล็บก็จะกุด ๆ ไม่สวย ซึ่งเราไม่ควรมองข้าม มือ เป็นสิ่งที่สังเกตเห็นกันได้ง่าย แล้วในแต่ละวัน เราก็โชว์มือบ่อยซะด้วย และใครที่มัวแต่ใช้ครีมบำรุงผิวหน้าจนลืมผิวมือน่ะ ก็ช่วยให้เวลากับมือสักหน่อย เพราะถ้าหน้าเด้งแต่มือเหี่ยวน่ะ มันก็ดูเหมือนแต่งตัวไม่เสร็จน่ะแหละ

  6. แปรงผมตอนที่ผมเปียก : ถือว่าเป็นการทำร้ายผมอย่างรุนแรงเลยเชียวหละ ใครที่ชอบทำแบบนี้ ขอให้เข้าใจเสียใหม่ว่า ผมแห้งเปราะบางกว่าผมเปียก 30% เลยทีเดียว

  7. ห่อไหล่ : การ ห่อไหล่ด้วยการนั่งทำงานอยู่กับโต๊ะทั้งวี่ทั้งวัน กล้ามเนื้อไหล่และคอจะเกร็งและตึงเครียด ซึ่งอาจจะด่อให้เกิดปัญหาสุขภาพเรื้อรังตามมา

  8. บีบสิว : สาว ๆ หลาย ๆ คนเห็นเป็นทนไม่ได้ มันกวนใจจริง ๆ ใครต่อใครก็บอกกันมา ว่าอย่าบีบนะ แต่มือมันก็ช่างไม่ฟังเอาเสียเลย ใครมีปัญหานี้ ต้องตระหนักถึงข้อเท็จจริงก่อนว่า ถ้าคุณไปบีบมัน อายุของมันจะยืดยาวอยู่บนหน้าของคุณนานยิ่งขึ้นไปอีก และอาจจะทำให้เป็นแผลเป็นเลยก็ได้ ทางที่ดีเราต้องยับยั้งชั่งใจดีกว่า

  9. เกาแผลยุงกัด : ยุ่ง กัด ก็มันคัน ยิ่งเกาก็ยิ่งมัน ยิ่งคันเข้าไปใหญ่ เกาไปเกามาเลือดซิบ และบางทีก็ติดเป็นแผลเป็นไปตลอดชีวิตเลย คิดดูเถอะว่า ถ้าบนตัวคุณมีแต่ลายแผลเกายุงกัดน่ะ มันจะเยินขยาดไหน

วิธีง่ายๆ ช่วยให้รักเร่าร้อน

ตอน นี้คุณและเขาอาจแต่งงานหรืออยู่ด้วยกันมานานหลายปีแล้ว จำช่วงเวลาสวีทของคุณทั้งสองได้มั้ย? ช่วงเวลาที่คุณเพิ่งคบกันใหม่ๆ ช่วงนั้นอะไรๆก็ดูราบรื่นมีความสุขไปหมด แต่ ไม่ช้าทั้งคุณและเขาก็เริ่มชินกับการกระทำเดิมๆ ประโยคเดิมๆที่เขาพูด ร้านอาหารเดิมที่มาทานทุกอาทิตย์ หรือบางครั้งคุณเองก็แทบจะเดาได้เลยว่าเขาจะทำอะไรต่อไป หากคุณเองก็กำลังคิดว่าความสัมพันธ์นี้มันน่าเบื่อขึ้นเสียแล้ว (แต่ก็ยังมั่นใจในความรัก) ทำไมไม่ลองลุกขึ้นมาสร้างสีสันให้ความสัมพันธ์ของคุณและเขาอีกครั้งล่ะ
  1. ปลุกเขาให้ตื่นเบาๆ
    เปลี่ยน วิธีปลุกจากที่ต้องเคยฉุดกระชากลากดึง ลองปลุกเขาเบาๆและถ้าจะให้ดีให้เขาดื่มน้ำส้มคั้นเย็นๆสักแก้วดูสิ เผื่อมันจะช่วยทำให้เขาสดชื่นได้

  2. หรี่ไฟ
    ไม่ ว่าคุณจะทำทานอาหารให้เขาทานที่บ้าน หรือซื้อกลับมาทานก็ตาม ลองสร้างบรรยากาศในการทานอาหารเย็นดูสิ หรี่ไฟลงสักนิดหรือจะจุดเทียนเพิ่มก็ดี จัดโต๊ะทานข้าวให้ดูน่าทานสักหน่อย (ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการทานข้าวเหนียวส้มตำ แต่รับรองว่าเขาจะประทับใจในบรรยากาศทีเดียว)

  3. อย่าเสียดาย
    การ ซื้อชุดชั้นในใหม่บ้างอาจจะไม่ใช่สิ่งจำเป็นก็จริง แต่ถ้าได้ซื้อชุดชั้นในสวยๆไว้ใส่ในโอกาสพิเศษบ้างก็น่าจะทำให้เขาตื่นเต้น ขึ้นได้บ้างนะ

  4. เรียนพิเศษด้วยกัน
    หาก มีเวลาว่างในช่วงวันหยุด ลองหาอะไรใหม่ๆทำด้วยกันดูสิ คุณอาจช่วยเขาไปเรียนวาดภาพ หรือเรียนดำน้ำด้วยกัน ประสบการณ์ร่วมระหว่างคุณสองคนนี้ล่ะจะช่วยทำให้คุณทั้งสองสนิดชิดใกล้กัน มากขึ้น

  5. ไวน์พิเศษเพื่อฉลอง
    ถึง แม้ว่าวันเกิดของคุณทั้งคู่จะผ่านมาแล้ว แต่การมีไวน์หรือแชมเปญไว้ในตู้เย็นก็ไม่เสียหายอะไร คุณไม่รู้หรอกว่าจะได้ใช้มันเพื่อฉลองอะไรเมื่อไหร่ (หรือบางทีคุณอาจแค่อยากดื่มในคืนโรแมนติกก็ได้)

  6. เพลงพิเศษ
    วัน ไหนที่คุณหรือเขารู้สึกเหนื่อยจากการทำงาน การมีซีดีเพลงโปรดไว้เปิดเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลายลงจะช่วยทำให้คุณและเขา อารมณ์ดีขึ้นมาได้ง่ายๆ (คุณน่าจะอัดเพลงที่เปิดในวันแต่งงานหรือเพลงพิเศษต่างๆรวมกันเอาไว้ แต่ให้แน่ใจด้วยนะ ว่ามีเพลงโปรดของเขา ไม่ใช่เพลงโปรดของคุณคนเดียว)

  7. ย้อนอดีต
    วัน ไหนว่างๆ คุณทั้งสองอาจลองทำตัวเหมือนสมัยที่เดทกันใหม่ๆอีกครั้งดูสิ ลองไปนั่งทานไอศกรีมในร้านที่พบกันสมัยมหาวิทยาลัย หรือคุณอาจจะชวนเพื่อนสนิทที่เคยช่วยทำให้รักของคุณสมหวังมานั่งทานอาหาร ร่วมกันอีกครั้ง

  8. วันหยุดโรแมนติก
    ลอง ทำวันหยุดเสาร์อาทิตย์ของคุณทั้งสองให้ว่างและขับรถไปต่างจังหวัดด้วยกัน มีเวลาไปเล่นน้ำทะเล ไปตลาด ไปวัด ปล่อยปลาด้วยกันบ้าง นอกจากจะไม่ทำให้คุณเครียดเรื่องงานแล้ว มันยังทำให้คุณมีเวลาโรแมนติกกันมากขึ้นด้วย

  9. อาหารมื้อเด็ด
    ลอง หาสูตรการทำอาหารมื้อเด็ดให้เขาทานดู อาจเป็นอาหารฝรั่งที่คุณไม่เคยทำ หรือสเต็กเนื้ออย่างดีที่คุณรู้ว่าเขาชอบ ถ้าคุณเคยทำอาหารให้เขาทานทุกวันอยู่แล้ว ลองหันมาทำขนมสูตรใหม่ๆดูก็ได้ แล้วเขาจะติดใจไปอีกนานทีเดียว

  10. เอารีโมทไปซ่อน
    อาจ เป็นเรื่องน่าตกใจหากคุณจะประกาศให้คืนนั้นเป็นคืนห้ามดูโทรทัศน์ แต่หากคุณจัดเตรียมอาหารเครื่องดื่มหรือแม้แต่เกมสนุกๆโรแมนติกไว้เล่นด้วย กัน ช่วงเวลานี้ล่ะจะทำให้คุณทั้งสองใกล้ชิดเร่าร้อนได้ดีทีเดียว

พบอีก 22 ยี่ห้อ เครื่องสำอางอันตรายถึงขั้นหน้าพัง

พบอีก 22 ยี่ห้อ เครื่องสำอางอันตรายถึงขั้นหน้าพัง (ไทยรัฐ)

ห้ามซื้อใช้เด็ดขาด อาจทำให้หน้าพัง ระบบทางเดินปัสสาวะ-ไตอักเสบ ขอความร่วมมืออย่านำมาขาย หากพบมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ . . .

วันนี้ (2 มิ.ย.) ภญ.วีรวรรณ แตงแก้ว รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประกาศรายชื่อเครื่องสำอางมีสารอันตรายเพิ่มเติมอีก 22 รายชื่อ ได้แก่

  1. โลชั่นกันแดด กันฝ้า เมลาแคร์
  2. มิสเดย์ ครีมแก้ฝ้าใช้กลางคืน ทั้งสองผลิตภัณฑ์ตรวจพบสารไฮโดรควิโนน
  3. ครีมฝ้าเมลาแคร์
  4. SG เอสจี โลชั่นปรับสภาพผิวหน้า
  5. พอลล่า ครีมทาฝ้า (ครีมทากลางคืน)
  6. พอลล่า ครีมทาฝ้า (ครีมทากลางคืน) ลำดับที่ 3-6 ตรวจพบสารไฮโดรควิโนน และกรดเรทิโนอิก
  7. POLLA MELASMA SUNSCREEN LOTION
  8. โลชั่น PREAME
  9. ครีม CHAIN (NIGHT CREAM)
  10. WEiJiAO Whitening Night Cream ลำดับที่ 7-10 ตรวจพบกรดเรทิโนอิก
  11. POLLA WHITENING CREAM
  12. MUI LEE HIANG
  13. ครีม PREAME
  14. PUFA ภูฟ้า สูตรชาเขียว มะเฟือง
  15. พอลล่า ครีมทาสิว (ครีมทากลางวัน)
  16. พอลล่า ครีมทาสิว (ครีมทากลางวัน)
  17. พอลล่า ครีมทาสิว (ครีมทากลางวัน)
  18. WEiJiAO Fade-Out Day Cream
  19. เพียว ไวท์ ครีมโสมไข่มุกผสมบัวหิมะ
  20. Mind Skin Baby Face Cream
  21. FAYLACIS Night Cream และ
  22. D9L ไม่ระบุรายละเอียดที่ฉลาก ลำดับที่ 11-21 ตรวจพบสารประกอบของปรอท
ภญ.วีรวรรณ กล่าวต่อว่า อย่า ซื้อผลิตภัณฑ์ทั้ง 22 รายการนี้มาใช้อย่างเด็ดขาด เพราะอาจได้รับอันตรายจากสารห้ามใช้ เช่น ไฮโดรควิโนน จะทำให้เกิดจุดด่างขาวที่หน้า ผิวหน้าดำ เป็นฝ้าถาวรรักษาไม่หาย กรดเรทิโนอิก ทำให้แสบร้อนรุนแรงผิวหน้าลอก และเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ในขณะที่สารประกอบของปรอท มีอันตรายร้ายแรงมาก ทำให้ผิวหน้าดำ ผิวบางลง และเมื่อสารปรอทสะสมในร่างกาย จะทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ และไตอักเสบได้อีกด้วย

ภญ.วีรวรรณ กล่าวเพิ่มว่า ขอให้ผู้ขายเครื่องสำอางให้ความร่วมมือ อย่านำเครื่องสำอางทั้งหมดนี้มาขายโดยเด็ดขาด หากตรวจพบ อย.จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวดให้ถึงที่สุด โดยจะมีโทษเหมือนกับผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัย คือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะผู้ขายเป็นแหล่งสำคัญที่จะกระจายผลิตภัณฑ์สู่มือผู้บริโภค หากผู้ขายไม่มีความรับผิดชอบ นำผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพหรือมีอันตรายมาขาย ผู้บริโภคจะมีความเสี่ยงสูงในการได้รับอันตราย

SEX ผู้หญิงต้องการ ... แบบไหน?

กล่าวกันว่า กามารมณ์เป็นสีสันของความรัก เป็นการบอกรักซึ่งกันและกันอย่างเรียบง่าย โดยที่ไม่ต้องอาศัยคำพูด เป็นการเคลื่อนไหวทางกายที่สอดประสานซึ่งกันและกัน ด้วยอารมณ์พิศวาส เป็นเสน่หาที่มีต่อกัน  เป็นการลงนาวารักลำเดียวกัน ช่วยกันโล้ช่วยกันพาย เพื่อที่จะข้ามมหานทีแห่งความปรารถนาไปยังฝั่งฝันร่วมกัน และเมื่อถึงจุดหมายปลายทางด้วยความสุขสมแล้ว ก็จะเกิดความผูกพันความเข้าใจ อันเป็นสายใยแห่งความรักที่มั่นคง เป็นการลงรากฐานแห่งความรักในรูปแบบหนึ่ง... ที่สามารถทำได้ ถ้าเข้าใจกัน การร่วมรักที่มีความสุขสมหวัง จึงต้องอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจ รู้เขารู้เรา... รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง แม้ว่าการจะเม็คเลิฟกัน ไม่ใช่การรบราฆ่าฟัน แต่ก็เป็นการพันตูกันในสนามรักอีกรูปแบบหนึ่ง

ผู้ชายที่เข้าใจในความต้องการของผู้หญิงจะสามารถให้ความสุขแก่เธอ และเมื่อเธอมีความสุขแล้ว เธอย่อมสนองตอบชายคนรักของเธอให้มีความสุขสม เป็นเท่าทวีคูณ

มาดูกันซิว่า เธออยากจะให้ทำรักกับเธออย่างไร ??

..." ดิฉันชอบมีแบบนั้นกับเขาบนเตียงในห้องนอนที่ปิดไฟมืดสนิท มันเป็นเรื่องของเราสองคน และดิฉันก็อายที่จะเห็นภาพอะไรที่เรากำลังทำกันอยู่ แต่ชอบการเคลื่อนไหวในที่มืดๆ นะคะ เพราะมันให้อารมณ์และการคาดเดาไปต่างๆ นาๆ " ...

..." ดิฉันจะมีอารมณ์เฉพาะกับสามีเท่านั้นละคะ และอารมณ์จะเกิดขึ้นเวลาที่เขามีอารมณ์ พอเขาเดินเข้ามาในบ้านและดิฉันเห็นส่วนกลางลำตัวของเขาแข็งขันขึ้นมานะคะ ดิฉันจะมีอารมณ์จนอยากจะวิ่งเข้าไปฉุดเขาขึ้นเตียงทีเดียวละค่ะ เวลาผู้ชายมีอารมณ์กับภรรยานี่น่ารักนะคะ แค่คิดก็มีความสุขแล้ว "...

..." อยากให้เขากอดรัดเราให้แน่นๆ ประเล้าประโลมเราให้มากกว่านี้ ไม่ใช่เจอกันทีไรก็จ้องแต่จะฟันส่วนนั้นเท่านั้น แต่มีแฟนมาหลายคนแล้วนะคะ ไม่เข้าท่าเข้าทางสักคนเลยค่ะ จ้องแต่จะจัดการส่วนนั้นอย่างเดียว และก็ทำแปล๊บเดียวจอดแล้ว ช่วยตัวเองเสียยังมีความสุขกว่า นี่ต้องช่วยตัวเองทุกทีนะคะ เวลามีอะไรกับแฟน "...

" ทำไมแฟนๆ ของหนูชอบอยู่ข้างบนอย่างเดียวเลย แล้วแฟนหนูนะคะตัวหนักจริงๆ ถ้าไม่บอกให้เปลี่ยนท่าทางบ้างก็จะทำแบบเดิมทุกที แถมเวลาสำเร็จเสร็จสมอารมณ์หมายแล้ว ก็นอนกรนครอกๆ น่ารำคาญจะตาย อยากให้เขาทำอย่างอื่นบ้างจะได้ไม่น่าเบื่อ "

..." เขาก็พยายามจะเล้าโลมนะคะ คิดหาเทคนิคใหม่ๆ มาเรื่อยๆ พอดูหนังหรือวิดีโอมา ก็หาทางมาใช้กับแฟน ดีเหมือนกันล่ะ แปลกใหม่ดี แต่ที่ชอบมากก็เวลาที่เขาจูบค่ะ คือเขาจูบได้ดูดดื่มจริงๆ เวลามองตาเขาตอนที่จูบกันนั้น เหมือนขึ้นสวรรค์เลยค่ะ ส่วนเรื่องนั้นก็งั้นๆ ละคะ เพราะเขาแก่กว่าดิฉันมาก ทำไม่นานก็เรียบร้อยแล้ว ที่จริงไม่เคยรู้หรอกค่ะ ว่าที่เขาว่าจุดสุดยอดน่ะเป็นอย่างไร เพราะตอนสาวๆ ก็ไม่เคยช่วยตัวเอง และก็ไม่ได้สนใจจะถึงจุดสุดยอดด้วย ขอแค่เขารักเราและเราสามารถทำให้เขามีความสุขก็พอแล้ว "...

..." ชอบเขามาก ตอนที่เขาถึงจุดสุดยอดค่ะ เขากอดแน่นเลย แล้วบอกว่า รักคุณจริงๆ ผมมีความสุขมากเลย ขอบคุณที่รักผมและทำให้ผมมีความสุข เขาพูดแบบนี้ทุกครั้ง ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเป็นของกันและกันแล้ว ไม่เบื่อหรอกค่ะ เพราะทำให้มั่นใจว่าเขามีเราเท่านั้นเอง ไม่เคยเบื่อหน่ายที่จะมีอะไรกับเขาเลยนะคะ จริงๆ นะคะเวลาเขาบอกว่า มีความสุขเพราะเรา และรู้ว่าเราให้ความสุขแก่เขาได้ ก็ภูมิใจแล้วค่ะที่เป็นภรรยาเขา "...

..." เขาเป็นคนสุภาพมากเลยค่ะ เล้าโลมแต่เบามือ ทีละจุดๆ กว่าจะใช้ส่วนนั้นของเขา ดิฉันก็แทบละลายไปในมือ ในปากของเขาแล้วละค่ะ เขาทำรักด้วยปากเก่งจริงๆ ลิ้นของเขานุ่มมาก และให้สัมผัสที่ล้ำลึก เวลาที่สัมผัสกับซอกหลืบจุดซ่อนเร้นของดิฉัน มันทำให้ดิฉันถึงจุดสุดยอดไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง บางครั้งควบคุมตนเองไม่ได้เลยจริงๆ และดูราวกับเขาจะรู้ว่า ดิฉันชอบออรัลเซ็กซ์ เลยทำให้ดิฉันทุกครั้ง "...

..." ชอบทำรักด้วยปากให้เขามากกว่าค่ะ เวลาที่ใช้ปากทำกับส่วนนั้นของเขา เราก็จะจินตนาการไปด้วยว่า เวลาของเขาอยู่ในของเราจะเป็นอย่างไร และเวลาที่เขาใกล้จะถึงในปากเรานะคะ บางครั้งก็ไปถึงดวงดาวพร้อมๆ กับเขา หลั่งในปากเราเลย "...

แล้วเธอไม่ชอบ...แบบไหน !!

..." ไม่ชอบให้เขาใช้นิ้วสอดเข้าไปข้างใน ส่วนนี้เลย เจ็บค่ะ ก็นิ้วออกจะแข็ง ไม่รู้ใส่เข้าไปทำไม ของดีๆ ก็ไม่ใช้ มาใช้นิ้วมือมันไม่ได้อารมณ์เลย แข็งกระด้าง ไม่หยุ่นและมีพลังเหมือนน้องชายเขาเลย ดีนะคะที่เขายอมฟัง แล้วเปลี่ยนบทรัก เลยทำให้มีความสุขขึ้นกว่าเก่า "...

..." เขาเป็นพวก "ควิกกี้" คือ หลั่งเร็วนะคะ แล้วก็ชอบอดใจไม่อยู่ เจอหน้าก็จ้องจะจัดการส่วนนั้นแบบเดียว บางทีขยับ 3 ครั้งก็เรียบร้อยแล้ว บางทียังไม่ได้เข้าไปภายในเลย แค่เอามือจับเท่านั้นก็หลั่งแล้ว คนอะไรไม่รู้ไม่มีน้ำอดน้ำทนเลย บอกกี่ทีแล้ว ว่าอย่าสูบบุหรี่ กินเหล้า ก็ไม่เชื่อ "...

..." มาถึงนะคะ ก็จัดการขึ้นม้า รีบๆ ควบจะไปให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างเดียว ไม่สนใจจะเล้าโลมให้มีอารมณ์อะไรเลย "...

..." ทำทีงี้ น๊าน..นาน ไม่ยอมหลั่งซักที เบื่อจริงๆ ค่ะ ไม่รู้เอาแรงที่ไหนมาทำ ทำทีละครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ระบมไปหมด บางครั้งชั่วโมงก็มีนะคะ บอกว่าพอก่อน ก็ดันทุรังจะไปถึงให้ได้ แต่เวลาที่เขาช่วยตัวเองนะคะ แปล๊บเดียวก็เรียบร้อย สงสัยเหมือนกันว่าเครื่องเคราของดิฉันเป็นอะไรไปก็ไม่รู้ "...

..." ทำไปบ่นไป หาว่าของเราหลวมบ้างละ ไม่มีน้ำหล่อลื่นบ้างละ แล้วมาทำทำไมก็ไม่รู้ หาว่าเป็นของเก่าเก็บบ้างละ แหมคิดแล้วอยากจะเฉือนทิ้งให้เป็ดกินเสียรู้แล้วรู้รอดไป จะได้ไม่ต้องมาทำอะไรให้รำคาญใจอีก "...

ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่เธอไม่ชอบ... ทีหลังอย่าทำ

ถ้าเช่นนั้น... ทำอย่างไรดี เธอจึงจะชอบ ?
ปรมาจารย์ทางเพศทั้งหลายบอกว่า จงทำดังต่อไปนี้
  • ให้เวลาในการเล้าโลม จนเธอมีอารมณ์ก่อน จึงค่อยใช้อาวุธประจำกายพยายามหาจุดสัมผัสเสน่หา ที่เธอชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็น เปลือกตา ริมฝีปาก ซอกคอ ซอกหู เนินอก ยอดทับทิม ท้องน้อยเหนือเนินสวรรค์ รวมทั้งปากประตูเข้าสวรรค์ ล้วนแล้วแต่เป็นจุดที่ต้องได้รับการสัมผัสก่อนที่จะล่วงล้ำเข้าไป
  • ออรัลเซ็กซ์ อาจจะเป็นที่โปรดปรานของเธอก็ได้ ถ้าเธอชอบ ทำให้เธอเถิดครับ อย่ารังเกียจ เพราะคุณจะให้ความหฤหรรษ์แก่เธออย่างเต็มที่... แต่ถามเธอเสียก่อน 
  • อย่าเร่งร้อน ควบม้ามากนัก ควรหยุดชมวิวข้างทางบ้าง อย่าเร่งไปจุดหมายปลายทางแต่อย่างเดียว และควรปรับเปลี่ยนท่วงท่าลีลารักบ้าง อย่าทำอะไรๆ เหมือนเดิม 
  • จำไว้ว่า กระบวนการร่วมรักประกอบด้วย การเล้าโลม การสวมสอดสัมผัสรัก และต้องจบท้ายด้วยการแสดงความรักในห้วงเวลาหลังความสุขสม อย่าลืม! บอกเธอทุกครั้งว่า รักเธอ...รักเธอ...และรักเธอ
และอย่าทำ... ดังต่อไปนี้
  • บ่นว่าอวัยวะส่วนนั้นของเธอ ไม่ว่าจะทักว่า ดำไปนะ หญ้ารกไปนะ กลิ่นไม่ค่อยดีกระมัง หลวมไปหน่อย ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นคำพูดที่ทำให้เธอหมดอารมณ์แทบทั้งสิ้น
  • อย่าชวนทะเลาะ ก่อนที่จะมีกิจกรรมแห่งความรักใคร่ เพราะผู้หญิงนั้น เรื่องนี้ขึ้นอยู่ที่อารมณ์ อารมณ์ดีเสียอย่าง อะไรต่อมิอะไรมันก็ดีไปหมด 
  • อย่าบังคับให้เธอทำแบบโน้นแบบนี้ที่เธอไม่อยากทำ ควรหากุศโลบายที่ชี้ชวนให้เธอเห็นดี เห็นงามไปด้วยจะดีกว่า และมีความสุขสมมากกว่า
  • วันไหนเธอไม่มีอารมณ์ ก็อย่ากวนใจเธอ !! จำไว้ว่า อดข้าวดอกนะเจ้าจะวางวาย...ไม่ตาย เพราะอดเสน่หา

รู้จักภาษากาย ในวันสีแดง!

ในวันนั้นของเดือน มีสารพัดอาการที่สำแดงเดชในช่วงฮอร์โมนแปรปรวน เขยิบเข้ามาอีกนิด เพราะวันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่จะเกิดขึ้นให้ช่วงวันแดงเดือด อ่านแล้วคุณสาวๆจะได้ตั้งรับและหาวิธีป้องกันแก้ไขได้ทันใจ ไร้กังวล...

เรื่องเบสิกที่คุณผู้หญิงควรปฏิบัติก็คือ รักษาสุขภาพกายให้แข็งแรงเมื่อใกล้ถึงกำหนดวันมีประจำเดือน รับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่และหมั่นออกกำลังกาย เพราะในช่วงวันนั้น ฮอร์โมนและแร่ธาตุต่างๆมักจะแปรปรวน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ทั้งสุขภาพกายและใจไม่สดใสเต็มร้อยอย่างเคย ดังนั้นจึงควรเติมแมกนีเซียม แคลเซียม สังกะสี ธาตุเหล็ก วิตามินบี และวิตามินซีคืนให้กับร่างกายเพื่อปรับสมดุล

ปวดท้องเมื่อไหร่... มองหาวิตามินบี6
อาการที่พบบ่อยๆในสาวๆที่เผชิญภาวะวันแดงเดือด คือการปวดเกร็งที่ท้องน้อย ซึ่งเกิดจากฮอร์โมนพรอสตาแกลนดิน(Prostaglandin) ที่กระตุ้นให้ผนังมดลูกบีบตัวเพื่อขับเลือดประจำเดือนออกจากร่างกาย เมื่อมีอาการปวดเกร็งอย่างนี้ คุณสาวๆก็มักจะหันไปพึ่งยาแก้ปวดหรือกระเป๋าน้ำร้อน แต่จริงๆ เพียงบำรุงร่างกายด้วยอาหารที่มีวิตามินบี 6 ไนอาซิน โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ก็จะสามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้แล้วล่ะ

นอกจากการเติมสารอาหารให้กับร่างกายแล้ว การหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน รับประทานอาหารให้พอเหมาะไม่มากจนเกินไป และออกกำลังกายอย่างส่ำเสมอก็จะสามารถลดการปวดท้องผู้หญิงแบบนี้ได้ด้วยเช่นกัน... เห็นไหมว่ามันไม่ยากอยากที่คิด

ปวดท้องสุดๆ หนำซ้ำยังมามาก... ยังงี้หาหมอดีกว่า
สาวๆควรจดจำและรู้ลิมิตการปวดประจำเดือนของตัวเอง หากบางเดือนมีอาการปวดมากกว่าที่เคย ก็เป็นไปได้ว่าคุณกำลังประสบภาวะ อันโอวูลาทอรี ไซเคิล (Unovulatory Cycle) หรือการมีประจำเดือนโดยไร้การตกไข่ อาการแบบนี้ทางการแพทย์ถือว่าเป็นการผิดปกติของร่างกายที่ไม่ร้ายแรง แค่พึ่งยาแก้ปวดและดูแลร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์ก็โอเคแล้ว

แต่อย่าพึ่งนิ่งนอนใจไป เพราะยังมีสาเหตุอื่นๆอีกที่ทำให้ปวดประจำเดือนจนทนไม่ไหว อาทิ โรคเชิงกรานอักเสบ หรือ ภาวะเอนโดเมทริโอซิส(Endometriosis) ที่เกิดจากการมีเยื่อบุของมดลูกไปก่อตัวผิดที่ รวมทั้งการมีปัญหาต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ซึ่งอาการเหล่านี้นอกจากจะทำให้ปวดท้องมากแล้ว ยังทำให้มีประจำเดือนมามากกว่าปกติด้วย หากเจอเหตุการณ์แบบนี้ ขอแนะนำว่าหาหมอค่ะ

วันมาน้อย แถมไม่ตรงเวลา.. ก็อันตรายนะ
สาวๆบางคนอาจมีอาการเลือดออกมากระปริดประปรอยก่อนการมีประจำเดือนจริงประมาณ 1 สัปดาห์ เป็นอย่างนี้ทุกเดือนเหมือนเป็นสัญญาณเตือนเพื่อให้ทันตั้งรับเทศกาลวันแดงเดือด ยังถือว่าปกติ แต่หากจู่ๆ ประจำเดือนเจ้ากรรมกลับโผล่มากะจิ๊ดริดแถมไม่ตรงต่อเวลา แบบนั้นอาจเป็นเพราะสาเหตุอื่นที่ร้ายแรง อย่างเนื้องอก ผังพืด หรือถึงขั้นมะเร็งมดลูก ทางที่ดีปรึกษาหมอให้ช่วยวินิจฉัยจะดีกว่า

หงุดหงิ๊ดหงุดหงิด เพราะเจ็บคัดเต้านม
การเจ็บคัดเต้านมในช่วงมีรอบเดือนเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ โดยมีเจ้าฮอร์โมนเอสโตรเจนตัวดีเป็นสาเหตุ แม้จะเป็นอาการที่เกิดขึ้นเฉพาะช่วงที่ประจำเดือนและสามารถหายได้เอง แต่ก็ทำให้สาวๆหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย หากอยากลดอาการเจ็บคัดเต้านม แนะนำให้งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนโดยเด็ดขาด หันหลังให้ชา กาแฟ และน้ำอัดลมที่มีคาเฟอีน แล้วหันมาพึ่งวิตามินอี เพราะวิตามินอีนี่แหละที่มีฤทธิ์พอจะต่อต้านเจ้าเอสโตรเจนได้ดี

อันนี้พูดถึงเฉพาะกรณีเจ็บคัดเต้านมขณะมีประจำเดือนเท่านั้นนะ เพราะยังมีอาการเจ็บเต้านมจากสาเหตุอื่นๆ อีก อย่าง เป็นซีสต์ เนื้องอก เนื้อร้าย หรือกระดูกซี่โครงอักเสบ ซึ่งควรได้รับการดูแลและรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

ผิวสวยก่อนมีรอบเดือน

ผู้หญิงผิวสวยก่อนมีรอบเดือนระบบฮอร์โมนในร่างกายเราจะเริ่มเมื่อมีประจำเดือนเป็นวันแรกจนถึงวันสุดท้าย กินเวลาได้ตั้งแต่ 21-40 วัน วงจรการผลิต(ตก)ไข่ คือ เมื่อเกิดการตกไข่และรอการผสมจนกระทั่งฝ่อไป จะเกิดขึ้นในช่วงหรือประมาณวันที่ 14 ของรอบเดือน ช่วงสัปดาห์แรกหลังจากหมดประจำเดือนครั้งสุดท้าย ฮอร์โมนเอสโทรเจนจะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดสิวได้สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันก่อนมีรอบเดือนจะมีโอกาสมากที่สุดที่จะมีผิวที่มันเยิ้มและเป็นสิวค่ะ

สิ่งบ่งบอกถึงปัญหาผิวที่เกิดจากระบบฮอร์โมน คือ
มักมีสิวเกิดขึ้นในช่วงอาทิตย์ก่อนจะมีรอบเดือน และมีสิวขึ้นมากบริเวณขากรรไกร คางและคอ ผิวจะเซ้นส์ซิทีฟมากในระหว่างช่วงอาทิตย์ที่ 4 ของระบบรอบเดือน ช่วงนี้ควรงดการแว๊กซ์ขนและนวดหน้าอย่างยิ่ง มักจะมีรอบเดือนที่ไม่สม่ำเสมอและหรือมีขนขึ้นมากผิดปกติบนใบหน้า หรือบนร่างกายร่วมกับการเกิดสิว อาการนี้อาจเกิดจากระบบฮอร์โมน

แก้ไขแบบง่ายๆ
  1. เลือกเคลนเซอร์ทำความสะอาดผิวอย่างฉลาด เมื่อใดที่ผิวอยู่ในสภาพย่ำแย่มากๆให้เลือกใช้เคลนเซอร์ที่มีประสิทธิภาพช่วยละลายการอุดตันของรูขุมขนอย่างที่มีส่วนผสมของ salicylic acid
  2. เพิ่มขั้นตอนผลัดผิวที่อ่อนโยนเข้าไปในกิจวัตรประจำวัน ทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้งเป็นประจำ เพื่อช่วยทำให้เซลล์เสื่อมสภาพที่เข้าไปอุดตันในรูขุมขนและกักเก็บน้ำมันส่วนเกิน (ที่ทำให้เกิดสิวอุดตัน) หลุดออกมาได้ง่ายขึ้น
  3. ถึงผิวจะมันก็ไม่ควรมองข้ามขั้นตอนการบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ แต่เลือกชนิดที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน (oil-free) และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (noncomedongenic)
  4. ใช้ผลิตภัณฑ์แต้มสิวที่ได้ผล
โปรแกรมดูแลผิว เพื่อแก้ปัญหาสิวก่อนรอบเดือน
ช่วงประจำเดือนมาอาทิตย์ที่ 1
สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ก็คือ ระดับฮอร์โมนในร่างกายจะลดต่ำลงอย่างฉับพลันในระหว่างเดือน ทำให้ผิวพรรณฟื้นตัวจากอาการสิวเห่อก่อนรอบเดือนและทำให้ผิวดูหมองกว่าที่เคย

สิ่งที่ควรทำ
  • การดูแลผิวที่สม่ำเสมอและอ่อนโยนเป็นพิเศษ เลือกกิจวัตรทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน ใช้เคลนเซอร์ที่ไม่ทำร้ายผิวมากจนเกินไป แค่ปลายนิ้วก็เพียงพอแล้วที่จะนวดผิวในขณะทำความสะอาด ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิว อย่างอะโลเวร่าหรือชาเขียว
  • บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือมาส์กผลัดผิวเพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวจากการหลุดลอกและช่วยพลิกฟื้นผิวที่หม่นหมองให้ดูสดใสขึ้น ทิ้งมาส์กไว้บนผิวหน้าประมาณ 10 นาที เลือกใช้ผลิตภัณฑ์แต้มสิว สำหรับสิวที่เหลืออยู่ ซึ่งมีส่วนผสมของสารที่ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนอย่าง salicylic acid หรือมีคุณสมบัติช่วยฆ่าแบคทีเรียอย่าง benzoyl peroxide
  • ปกปิดสิวที่ยังไม่หายด้วยคอนซีลเลอร์ชนิดไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ซึ่งมีส่วนผสมช่วยกำราบสิวอย่าง salicylic acid หรือ sulfur

อาทิตย์หลังการมีประจำเดือนอาทิตย์ที่ 2
ในช่วงนี้ ระดับฮอร์โมนแอสโทรเจนในร่างกายจะลดต่ำลงอย่างถึงที่สุด และฮอร์โมนอีกตัวในร่างกายคือโปรเจสเตอโรนพุ่งขึ้นสูง การที่ระดับฮอร์โมนเกกิดการผันผวนนี้ทำให้ผิวมันและเกิดสิวได้

สิ่งที่ควรทำ
  • รักษาสภาพผิวและการป้องกันในช่วงนี้ถึงแม้ว่าผิวจะยังดูดีอยู่ก็ไม่ควรปล่อยปละละเลยนะคะ ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง และทำความสะอาดคราบเครื่องสำอางให้สะอาดหมดจดทุกครั้งหลังแต่งหน้าและก่อนเข้านอน
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวชนิดเดิมที่ใช้อาทิตย์แรก ช่วงนี้เน้นความสะอาดของผิวพรรณ ผลัดผิว โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดผิวจากสารเคมีที่ช่วยส่งเสริมการ ผลัดผิวตามธรรมชาติ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ กรดไกลโคลิก กรดแลคติกหรือกรดซาลิไซลิก นัดทรีทเมนท์ผิวหน้า เพราะเวลานี้ผิวจะไม่เซ้นส์ซิทีฟมากจึงเป็นช่วงที่เหมาะจะดูแลผิวหน้าด้วยการนวดหรือทรีทเมนต์ต่างๆ
ช่วงไข่ตก อาทิตย์ที่ 3
ช่วงนี้ จะเป็นช่วงที่ผิวดูดีและเนียนใสที่สุดของเดือน ต้องขอบคุณการเพิ่มของระดับฮอร์โมนแอสโทรเจน (เอสโทรเจนช่วยรักษาระดับน้ำมันบนผิว)

สิ่งที่ควรทำ
  • ใช้ผลิตภัณฑ์กำราบสิวและการผลัดเซลล์ผิว ช่วงนี้ล่ะควรเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสิวได้แล้วเป็นประจำทุกวันจนกระทั่งเริ่มมีประจำเดือน เริ่มปรับเปลี่ยนวิธีการทำความสะอาดผิว โดยทำความสะอาดผิวทั้งเช้าและเย็น แต่หากว่ามีผิวที่มันมาก ให้เพิ่มการใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หลังการล้างหน้าเพื่อทำความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึก (แต่หากว่าผิวแห้งมากๆก็ควรเว้นากรใช้โทนเนอร์) แล้วลองใช้มาส์กพอกผิวที่ช่วยลดการเกิดสิวสำหรับอาทิตย์นี้
  • ดูแลผิวช่วงก่อนนอนด้วยผลิตภัณฑ์ ที่ป้องกันการเกิดสิว เลือกที่มีส่วนผสมของซาลิไซลิก แอซิด ไกลโคลิก แอซิด เพอร์รอกไซด์และที ทรี ออยล์ ใช้กระดาษซับความมัน ในช่วงอาทิตย์นี้และอาทิตย์ถัดไป พกพาเอาไว้ติดตัวเพื่อซับเอาน้ำมันออกจากผิว
อาทิตย์ช่วงก่อนเริ่มมีประจำเดือน อาทิตย์ที่ 4
ช่วงนี้ระดับฮอร์โมนโปรเจสเทอโรนยังเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ฮอร์โมนเอสโทรเจนตกฮวบลง ช่วงนี้ล่ะบรรดาสิวทุกรูปแบบจะเริ่มปรากฎ ผิวจะมีความมันที่สุด

สิ่งที่ควรทำ
  • อ่อนโยนกับผิวพรรณให้มาก พยายามหลีกเลี่ยงการเกิดบาดแผลบนผิว เช่นการแว๊กซ์ขน การทำเลเซอร์ การขัดผิวและทรีทเมนต์หน้าแบบต่างๆ ผู้หญิงหลายคนจะพบว่าการทำทรีทเมนต์ผิวแบบใดก็ตามในช่วงนี้จะรู้สึกเซ้นส์ซิทีฟมาก ดูแลผิวบริเวณที่เป็นสิวทั้งเช้าและเย็น(ก่อนนอน) ด้วยผลิตภัณฑ์แต้มสิว เพิ่มเข้าไปในขั้นตอนการทำความสะอาดวันละ 2 ครั้งทุกวัน
  • ใช้มาส์กพอกผิวสำหรับสิวอย่างน้อย 2 ครั้งในช่วงอาทิตย์นี้ เพื่อชวดลดการอุดตันรูขุมขน มองหาส่วนผสมที่จะช่วยทำให้สิวแห้งเร็ว คือ sulfur อำพรางรอยสิวด้วยเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของซาลิไซลิก แอซิด แล้วเลือกชนิดที่บอกว่าไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน
  • ครั้งต่อไปที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้า อย่าลืมดูส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ด้วยนะคะ
ขั้นตอนการเกิดสิว!!! (เพื่อความรู้นะจ๊ะ)
  1. เมื่อร่างกายเริ่มผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน มักเกิดขึ้นในช่วงก่อน/หลังมีประจำเดือน ซึ่งจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันใต้ผิวขยายใหญ่ขึ้น
  2. เมื่อต่อมไขมันถูกขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วน้ำมันนี้จะเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ตามธรรมชาติของผิว แต่เมือ่ถูกผลิตออกมามากเกินไป ยิ่งซ้ำร้ายหากในขณะที่ทำกลังเดินทางจากต่อมไขมันสู่ปากรูขุมขน เกิดไปผสมเข้ากับแบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งอยู่ในรูขุมขน ทำให้เกิดการเข้มข้นเป็นพิเศษจึงเกิดการอุดตันรูขุมขน อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
  3. ตามปกติ เซลล์ที่ตายแล้วในรูขุมขนจะค่อยๆถูกกำจัดออกสู่ปากรูขุมขนโดยน้ำมันหรือเหงื่อ แต่เมื่อฮอร์โมนแอนโดรเจนกระตุ้นให้ต่อมไขมันใหญ่ขึ้นและผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น เซลล์ผิวหนังในรูขุมขนก็จะผลิตและตายเร็วขึ้นด้วย เมื่อมีเซลล์ที่ตายอยู่มาก ก็จะเกิดการอุดตันในรูขุมขนมากขึ้นเป็นทวีคูณ
  4. เมื่อรูขุมขนเกิดอุดตัน บวกเข้ากับเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งปกติแล้วก็อาศัยอยู่ตามผิวหนังและรูขุมขน แต่เมื่อเกิดการอุดตัน เจ้าเชื้อแบคทีเรียตัวนี้ซึ่งไม่ชอบออกซิเจน ก็จะแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็วผิดปกติ จนเกิดเป็นสาเหตุของการอักเสบในรูขุมขนขึ้น
  5. เมื่อเกิดการอักเสบขึ้นแล้ว เม็ดเลือดขาวในร่างกายก็จะส่งมาเพื่อฆ่าแบคทีเรียนี้ ตอนนี้นั่งเอาที่ทำให้สิวเกิดเป็นตุ่มแดง บวม เจ็บ และเกิดเป็นหัวหนองในที่สุด