Monday, November 5, 2007

แฉ....เรื่องจริง ของร้านอาหาร "โถพลู" ต้องอ่านแล้วช่วยกันแบนค่ะ

แฉ....เรื่องจริง ของร้านอาหาร "โถพลู" ต้องอ่านแล้วช่วยกันแบนค่ะ

จริง ๆ แล้วควรจะตั้งกระทู้ที่ห้องโทรโข่งมากกว่าค่ะ แต่คิดไปคิดมา ห้องนี้น่าจะมีคนได้อ่านเยอะกว่า เข้าเรื่องเลยนะคะ ...............

เพื่อน ๆ นักชิมนักช้อปทั้งหลาย คงจะรู้จักร้าน "โถพลู" ที่สวนจตุจักรกันดี เพราะเป็นร้านที่ขึ้นชื่อว่าอาหารอร่อย ราคาก็พอไปไหว แถมยังเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ใครไปช้อปที่สวนฯ ถ้าไม่ได้ลิ้มลองอาหารที่นี่ก็ถือว่าไปไม่ถึงสวนฯค่ะ เราเอง + เพื่อน ๆ + ญาติ ๆ ก็ชื่นชอบในรสชาติอาหารร้านนี้เช่นกัน แต่ไม่นึกไม่ฝันเลยค่ะ ว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเช่นนี้

วันนั้นเราไปกัน 3 คน คือ เรา แม่แฟน และเพื่อนของแม่แฟน อาหารที่พวกเราสั่งมีดังนี้ค่ะ * ทอดมันปลากราย * ข้าวมันส้มตำ * ข้าวผัดสัปประรด * ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ * น้ำดื่ม * น้ำมะพร้าว ประมาณว่าหิวววววมากค่ะ เห็นอะไรน่าทานก็สั่ง ๆๆๆ วันนั้นเราได้โต๊ะด้านหน้าของครัวใหญ่ที่ไม่ใช่ห้องแอร์-และอยู่ระหว่างบริเวณที่ล้างจาน (ใครที่เคยไปร้านนี้คงทราบดีว่า ร้านโถพลูเค้าจะมีที่นั่งแบ่งเป็นหลาย ๆ ส่วน และห้องครัว ก็จะมีหลายครัว ครัวผัด ครัวยำ ส่วนเตรียมเครื่องดื่ม อะไรแบบนี้)


อาหารจานแรกที่ยกมาคือ ทอดมันปลากราย จานเล็ก ๆ น่ารัก ประดับประดาด้วยดอกกล้วยไม้และผักแต่งจานสวยงาม ซึ่งก็มีทั้ง แตงกวา กระหล่ำปลีซอย แครอท ประมาณนั้น ไม่แน่ใจนะคะ จำไม่ได้ว่าเป็นผักดองหรือเปล่า ส่วนทอดมันนั้น มีประมาณ 5 ชิ้น จัดเรียงสวยอยู่ใน มันทอดที่ทำเป็นกรวย ๆ หรือที่รู้จักกันในชื่ออาหารว่า "รังนก" (ก็คงทราบกันดี ว่าที่ โถพลู เค้าจะมีการจัดจานอาหารสวยงามน่ารัปประทานมาก) อาหารจานแรก หมดไปอย่างรวดเร็ว อร่อยมากๆๆๆๆ เลยค่ะ ขอบอก แม้แต่ผักแต่งจานก็เกือบไม่เหลือ แล้วแม่แฟนเรายังแอบชิมเจ้ารังนกนั่นด้วย บอกว่าแข็ง ๆ ไปหน่อย สงสัยทิ้งไว้นาน แต่พวกเราก็แอบคอมเพลนเล็กน้อยว่า แพงจัง จานนิดเดียวเอง ตั้ง 100 บาทแน่ะ แต่ก็อร่อยดีนะ

วันนั้นคนเยอะมั่กมาก อาหารค่อนข้างนาน พวกเราก็นั่งเม้าท์กันไปถึงเรื่องต่าง ๆ นั่งอีกสักครู่ใหญ่ ๆ อาหารแต่ละอย่างก็ทยอยมาเสริฟ พวกเราก็ก้มหน้าก้มตาทาน ไม่คุยแล้ว จนอาหารหมด อิ่มกันได้ที่ ก็ถึงตอนนั่งย่อย พูดคุยกันถึงรสชาติอาหาร บริการ ยังเอ่ยปากชมกันว่า อาหารอร่อย บริการก็ดี คนรับรายการยิ้มแย้ม คล่องแคล่ว แถมยังพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย ร้านก็คนเยอะแยะ ฝรั่งมากินกันเต็มไปหมด น่าอิจฉาเจ้าของร้านจริง ๆ เลย ประมาณนั้น ในขณะที่พนักงานก็เริ่มเข้ามาเก็บจานออกไป พวกเราก็สอดส่ายสายตารอบ ๆ ร้านไปด้วย ชี้โบ้ชี้เบ้ ประกอบการสนทนา

นั่นเอง.......สิ่งที่พวกเราไม่คาดฝันว่าจะเห็น ว่าจะเกิด ขอเล่าเป็นข้อ ๆ เลยนะคะ

เห็นกันจะ ๆ ต่อหน้าต่อตา แบบนี้จริง ๆ ค่ะ
1. จานทอดมันฯ อันแสนโอชะของพวกเรา ถูกยกเข้าไปยังส่วนของการล้างจาน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่หนึ่งคน เป็นผู้หญิงอายุประมาณ 30 ปลาย ๆ ภาพที่เราเห็นเผิน ๆ คือ เค้าคอย - แยกอาหาร แยกขยะ หรือกวาดเศษอาหารทิ้งจากจานก่อนล้าง แต่ดูไปดูมามันไม่ใช่ค่ะ พอสังเกตดี ๆ จะเห็นว่า ตรงนั้นมันจะมี ตระกร้าแบบเหลี่ยม ทรงเตี้ย ใบเล็ก ใบใหญ่ อยู่หลายใบ ทีเดียว แต่ละใบก็จะบรรจุสิ่งของต่าง ๆ กัน ที่เห็นก็มีดังนี้ค่ะ * รังนกทอด * ผักแต่งจาน * กล้วยไม้ที่ใช้ประดับจาน * หลอดน้ำดื่ม * ขยะรวม
จานทอดมันฯของพวกเราถูกยกไปวางแถว ๆ นั้น พร้อม ๆ กับจานอาหารแต่ละประเภท จากแต่ละโต๊ะ ญ. คนดังกล่าวก็เริ่มทำการ "แยก" กล้วยไม้ไว้ในตระกร้ากล้วยไม้ รังนกทอด หยิบมาดู ๆ เห็นว่าถูกหักเป็นชิ้น ๆ แล้ว ทิ้งไปในขยะรวม ส่วนรังนกที่มาจากโต๊ะอื่น ๆ ยังสภาพดีอยู่ รวมไว้ในตระกร้ารังนกด้วยกัน
2. ข้าวผัดสัปประรด ลักษณะเวลาเสริมคือ เป็นข้าวผัด ที่อยู่ในลูกสัปประรดที่ถูกผ่าซีกในแนวนอน แล้วถูกควักเนื้อออกหมดแล้ว ประดับขอบด้วยกล้วยไม้ บัดนี้ เมื่อทานหมด จับเข้าส่วนล้างจาน ถูกกระทำด้วยผู้หญิงคนเดิม กล้วยไม้ ถูกแยกไว้กับตระกร้ากล้วยไม้ กวาดเศษข้าวผัดที่เหลือ ๆ ออก นำสัปประรดซีกนั้น แกว่ง ๆ จุ่มๆ ในกะละมังที่มีน้ำอยู่ แล้วนำไปรวมกันไว้กับสัปประรดซีกอื่นๆ ในตระกร้าสัปประรด

ตอนนี้พวกเราเริ่มมองหน้ากันตาปริบ ๆ สงสัยกับการกระทำนั้น ๆ ว่าเค้าทำอาไรเน้อ

3. น้ำมะพร้าว เวลาเสริฟ ลักษณะคือ มาทั้งลูก แล้วเสียบหลอด เมื่อทานหมด บัดนี้ ถูกนำมาตั้งรวมไว้ที่เดียวกัน ถูกผู้หญิงคนเดิม นำหลอดออก แล้วมารวมกันไว้ในตระกร้าหลอด วางตั้งไว้สักพัก มีผู้ชายคนหนึ่งมาหยิบเอาลูกมะพร้าวไป โอ้.........พระเจ้าจอร์ช มันๆๆๆๆ มัน น่าสะอิดสะเอียนมาก เมื่อเห็นชายผู้นั้น นำลูกมะพร้าวดังกล่าว มาเปิดฝา แล้วเทน้ำมะพร้าวที่บรรจุไว้ในขวดเข้าไป แล้วจัดแจงเสียบหลอด ปิดฝา จิ้มด้วยกล้วยไม้ แล้วเดินหายลับตาไป คาดว่าน่าจะเอาไปเสริฟผู้โชคร้ายสักคน (ทั้ง ๆ ที่เราก็แงะเนื้อกินไปแล้ว2-3 คำ)

ตะลึงค่ะ บอกได้คำเดียวว่าตะลึง ทั้งโต๊ะ อ้าปากค้างกันเป็นแถว หันกลับไปดู ผู้หญิงด้านล้างจานกันแบบไม่ได้นัดหมาย

4. จานอาหารที่ผ่านการรัปประทานยังทยอยกันมาไม่ขาดสาย ผู้หญิงคนนั้นก็ยังขมักเขม่นกับการ "แยก" วัตถุต่าง ๆ อย่างชำนาญ ไม่ว่าจะเป็น รังนกทอด ผักแต่งจาน ดอกกล้วยไม้ หลอด ลูกมะพร้าว ลูกสัปประรด ฯลฯ ส่งต่าง ๆ ที่ยังดูไม่สึกหรอ เมื่อบางตระกร้าเริ่มมีจำนวนของมากพอสมควร ก็จัดแจงส่งเข้าครัว (ซึ่งตรงนั้นมันจะเป็นช่อง ๆ ไว้สำหรับผ่านสิ่งของกัน ระหว่างห้องครัวกับที่ล้างจาน)
ไม่ต้องเล่าต่อแล้วใช่มั้ยคะ ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่นึกไม่ฝันว่า จะเกิดการรักษ์โลก รีไซเคิลกันได้ถึงเพียงนี้ สิ่งที่รัปประทานไปเมื่อตะกี้ แทบจะออกมาทางเดิมเลยค่ะ ท่านผู้อ่านที่เคารพรัก

พวกเรามองกันอยู่นานนนนนมากกกกก จนผู้หญิงคนนั้นเค้าเริ่มจะรู้สึกตัว กิจที่ทำอยุ่เริ่มเป็นไปอย่างตะกุกตะกัก แบบว่า ไม่ค่อยรื่นน่ะค่ะ ทำแบบเคอะเขิน จนเมื่อมีพนักงานเสริฟเดินเอาจานมาวางไว้ให้ เค้าก็เริ่มกระซิลกระซาบกัน แล้วก็หันมามองพวกเรา จนพวกเรามีความเห็นตรงกันว่า.....ถอยดีกว่า ไม่อาวดีก่า แล้วก็เช็คบิล รีบออกมาจากที่นั่นทันใด

ค่าอาหารมื้อนี้ ตกราว ๆ 600 กว่า บาท จำตัวเลขที่แน่นอนไม่ได้ค่ะ ยังคุยกันเลยว่าค่อนข้างแพงถึงแพงที่สุดกับการนำอาหาร "ขยะ" มาให้ทาน
หนำซ้ำการคิดราคาค่าอาหาร ยังบวกแวตท์(ภาษีมูลค่าเพิ่ม) เข้าไปอีก 7 เปอร์เซ็นต์ ทำเหมือนเมืองนอกเลยค่ะ ระบบนี้ในเมืองไทยไม่ค่อยเห็น นอกจากตามโรงแรมหรือภัตตาคารใหญ่ ๆ ระดับอินเตอร์ ฯ

เดินกันออกมาจากร้าน ยังขนลุกอยู่ไม่หาย กับพฤติกรรมดังกล่าว
พวกเราคิดกันว่า ไม่ใช่ตัวลูกจ้างหรอก ที่จะกล้าทำแบบนั้น ถ้าหากว่าเจ้าของร้าน ไม่สั่งให้ทำ ไม่รู้จะหากำไรอะไรกันขนาดนั้นคะ ใช้วิธีสกปรกมากไปหรือเปล่า

เรื่องที่เราเจอนี้ เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมานี้เองค่ะ ตอนแรกกะว่าจะเข้ามาเล่าให้ชาวพันธุ์ทิพย์ฟังตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสสักที ได้แต่เล่าให้เพื่อนฝูงคนรู้จักกันฟัง ให้เค้าได้ไปเล่า ต่อ ๆ กัน

อ้อ......วันนั้นกลับบ้านกันไป ตัวเรา ระหว่างทางกลับบ้าน ปวดท้องนิดหน่อย แบบมวน ๆ แต่ไม่เป็นไรมาก เพราะปกติ เป็นคนธาตุแข็ง ส่วนแม่แฟนเรา อายุ 60 แล้ว ท้องเสียทั้งคืนเลย แต่โชคดีที่ไม่เสียแบบหนัก ๆ และเพื่อนของแม่แฟน จากที่ได้โทรฯ สอบถามอาการกันแล้ว ก็มีท้องเสียบ้างเหมือนกัน 2-3 ครั้ง

ยังนึกเสียดายอยู่ว่าวันนั้นไม่ได้ถ่ายรูปไว้ จะได้มาโพสต์ให้เห็นกันจะๆ ไปเลย มีแต่กล้องจากโทรฯมือถือ ซึ่งไม่สามารถถ่ายเห็นในระยะนั้นได้
แต่คิดไปคิดมาอีกที ถ้ามีกล้องจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะกล้าถ่ายหรือเปล่า กลัวถูกอุ้มค่ะ
เมื่อประมาณเดือนที่แล้วนี่เอง หลังจากที่เราได้เล่าเรื่องนี้ให้แก๊งค์เพื่อนสนิทเราฟัง เราก็ได้มีโอกาสไปเดินสวนฯ อีกครั้ง เราก็เลยบอกเพื่อนๆ ว่า จำได้มั้ย เรื่องที่เคยเล่าให้ฟัง เดี๋ยวเราจะพาไปดูสถานที่จริง ก่อนไปถึง เราก็เตี๋ยมกับเพื่อน ๆ ว่า อะไรอยู่ตรงไหน ให้สังเกตอะไรส่วนไหนบ้าง

วันนั้นไปกันทั้งหมด 4 คนค่ะ รวมตัวเราด้วย ก็ทำเป็นว่า เดินหลงกัน แล้วก็ไปหยุดรอกันตรงที่เกิดเหตุพอดี ก็สายตาใครสายตามันค่ะ กวาดบรรยากาศรอบ ๆ กันใหญ่ เราเห็นแล้วก็ยังอดขำไม่ได้ ทำหน้าเหมือนคนหลงทางกันจริง ๆ เลย เราเองก็ยืนอยู่แถว ๆ นั้นด้วยเหมือนกัน ก็เห็นแบบเดิม ๆ เลยค่ะ เพื่อน ๆ เห็นแล้วต่าง ก็อุทานเป็นเสียงเดียวกันว่า "แหวะ"
โชคร้ายที่วันนั้น ยังไม่มีใครทานข้าวกันไปเลย แล้วก็เลยไม่กล้าทานข้าวนอกบ้านเลยค่ะวันนั้น ต้องหิ้วท้องกลับมาทำทานกันที่บ้าน

เข้าเรื่องต่อค่ะ หลังจากที่หมดแผนทำเป็นหลงทาง หาเพื่อนไม่เจอแล้ว
เราก็นัดกันว่า ให้เดินมาเรื่อย ๆ จนสุดร้าน ให้ไปจนถึงโซนที่เริ่มมีร้านขายของ ให้ไปรอกันแถว ๆ นั้นนะ (ตรงแถวนั้น ร้านแรกจะเป็นร้านขายกระโปรงแนวแขก ๆ ) ซึ่งเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งไปถึงก่อน ก็ยืนดูกระโปรงร้านนั้นอยู่ เมื่อเจอกันจนครบแก๊งค์ ก็เริ่มเม้าท์แตกกัน เจ้าของร้านเค้าก็ฟังอยู่ด้วย เค้าก็ถามขึ้นมาว่า "มีอะไรกันเหรอคะ" เราก็เริ่มเม้าท์พฤติกรรมร้านโถพลูให้ฟัง ว่าอย่างโน้นอย่างนี้ พี่เค้าก็ทำ ปากจุ๊ ๆ แบบว่า ให้หยุดพูด ตอนแรกเราก็งง ๆ เอ๊ะ ทำไมเหรอ พี่เค้าก็ชี้ไปที่ข้าง ๆ ร้าน ช่องถัดไป อ้าว.......กลายเป็นส่วนจัดเตรียมน้ำของร้านโถพลูซะงั้น โห อะไรมันจะขยายสาขาได้มากมากก่ายกอง

เราหันไปมอง เพื่อน ๆก็มองตามกันไป มีคนอยู่ในนั้น 2 คน คนหนึ่งเป็นคนเดินเสริฟและเก็บแก้ว อีกคนหนึ่งเป็นคนตระเตรียมเครื่องดื่มไว้คอยท่า (จากการสังเกตค่ะ) อีกแล้วครับท่าน ภาพที่เห็นนั้น มันน่าขยะแขยงอีกแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาเจอภาพเหตุการณ์แบบนี้อีก แก้วน้ำต่าง ๆที่ผ่านการดูดดื่มมาแล้ว ถูกยกมาวาง หลอดถูกแยกออกไปรวมกันไว้ แน่นอนค่ะ นำกลับมาใช้ใหม่ แก้วน้ำที่ยังมีน้ำและน้ำแข็งค้างอยู่ ถูกเททิ้ง.....ไม่ล้างค่ะ นำน้ำแข็งชุดใหม่อัดใส่แก้วแล้วเสริฟเลยทันทีทันใด
โอ้.....พระเจ้าจอร์ช มัน......อะไรดี เกินบรรยายค่ะ

หันไปมองหน้าเพื่อน ๆ แล้วทำหน้าแหย ๆ ใส่กัน
หันไปมองหน้าพี่ขายกระโปรง พี่เค้าได้แต่ยิ้ม ๆ
" พี่ขา วันก่อนนู้หนูก็มาทาน เจอยิ่งกว่านี้อีกค่ะ"
พี่ขายกระโปรง ยังเอาแต่ยิ้ม
เรากะเพื่อน ๆ "โห เลวว่ะ ทำงี้ได้งัย" "แหวะ" "แบบนี้มันต้องแจ้ง" ฯลฯ
"พี่อยู่แถวนี้ก็คงพอเห็นบ้างใช่มั้ยคะพี่" เรายิงคำถาม
พี่เค้าก็ได้แต่ยืนยิ้ม คงไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะต้องขายของแถวนั้น
หลังจากที่พวกเราเม้าท์กันอย่างดุเดือด และกำลังจะเดินจากไป
พี่เค้าก็พูดขึ้นมาว่า " เห็นกันจนชินแล้วน้อง คนขายของที่จตุจักรเค้าไม่กินกันหรอกร้านเนี้ย"
กึ๋ย....หยอง

คือเรื่องจริงนะคะ ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ไม่ได้กุเรื่องใด ๆ ขึ้นมาทั้งสิ้น
แล้วเราก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับร้านนี้นะคะ ไม่ใช่พวกที่เข้ามาก่อกวน
ให้ร้านเค้าเสียหายค่ะ หากจะถามหาหลักฐาน ขอบอกว่า "ไม่มี"ค่ะ
แต่ถ้าอยากจะเห็นกับตา ลองไปที่ร้านดูนะคะ

ที่มา พันธุ์ทิพย์

No comments: